บ้านป้าLily หลังนี้เปิดไว้เพื่อให้เป็นที่ที่เพื่อนๆมานั่งตั้งวงคุยกันด้วยเรื่องที่เราชอบ
โดยมีป้า Lily มานั่งเล่าเรื่องที่ดีมีประโยชน์ แถมสนุกสนานให้ฟังอีก
วันที่ท้องฟ้าสดใสในเวลาแดดร่มลมตกไม่มีอะไรดีไปกว่าการมานั่งที่ ชานเรือนของบ้านป้าLily อีกแล้ว


ยินดีต้อนรับทุกท่านจ๊ะ

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

Lunch with friends..........‏



อาหารมื้อกลางวันกับเพื่อน 

    เมื่อไม่นานมานี้ ฉันได้รับ Forward Mail ที่น่าสนใจฉบับหนึ่ง ดูเหมือนมันจะเป็น Mail ที่เอาใจฉันมาก แต่กระนั้น ก็มีเหตุผลในตัวของมัน  มันเป็นเหมือนผู้ปลดปล่อยฉันออกจากกรงขังโดยแท้จริง  จนฉันอยากจะแบ่งปันเนื้อหาของจดหมายนี้กับเพื่อนๆ ...( เฉพาะคนที่เข้าใจ)เป็นอย่างยิ่ง

   ฉันรู้ว่ามันต้องมีเหตุผลเสมอว่า ทำไมฉันถึงกิน  ฉันกินอะไร   ฉันต้องการอะไร  และเมื่อไรกัน
ความจริงของชีวิตก็คือ  คนเรามักต้องทำอะไรในชีวิตประจำวันอย่างมีเหตุผลเสมอ  เราอาจต้องอยู่ในกรอบที่กำหนดโดยสังคมประเพณีและสิ่งแวดล้อม     สำหรับฉัน ..... ดูๆแล้วรู้สึกเหมือนกำลังถูกขังไว้ตลอดชีวิตด้วยคุกที่เราสร้างมันขึ้นมาเอง   ด้วยความคิดกีดกันตัวเองจากสิ่งที่มีคนบอกว่ามันไม่ควร  เช่น อย่ากินนี่  อย่ากินนั่น   ทำไมไม่ทำอย่างนี้  ทำอย่างนี้เพื่ออะไร  ?......

และวันนี้...หลังจากถูกจองจำมานาน ฉันก็เริ่มอยากหนีออกมาจากกล่องหรือคุกนี้เสียที  ฉันอายุมากจนเกินกว่าจะแคร์กับกฏระเบียบที่ผูกมัดตัวฉันเสียแล้ว  โดยเฉพาะเรื่องการกิน  คิดอยู่เสมอว่าการมีชีวิตอยู่ต่อไป ควรจะอยู่อย่างมีความสุข  สุขกับทุกอย่าง รวมทั้งการกินอาหารอย่างมีความสุข...จนถึงวันสุดท้ายของฉัน

สิ่งที่จะอ่านต่อไปนี้   เป็นจดหมายที่ได้รับการส่งต่อมา ( เป็นภาษาอังกฤษที่ฉันแปลเป็นภาษาไทย-หากผิดบ้างโปรดอภัย  )  มันอาจถูกมองว่าถูกต้อง และไม่ถูกต้อง  สำหรับคนที่เข้าใจสิ่งที่กำลังจะสื่อ  แค่อ่านก็เข้าใจได้โดยไม่ต้องมีการอธิบายเพิ่ม  แต่สำหรับคนที่ไม่เข้าใจ การอธิบายก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น....

รายละเอียดของบทความชื่อ 
Lunch with friends.......... อาหารมื้อกลางวันกับเพื่อน
เขียนว่า................

 วันหนึ่ง ผมไปกินอาหารกลางวันกับบรรดาก๊วนกอล์ฟ  โดยมี จิม นักกอล์ฟวัย 80 ปี อยู่ในก๊วนนี้ด้วย  ดูช่างเป็นก๊วนที่น่าสนุกสนานเสียจริง หลังจากดูเมนู  พวกเรา (นักกอล์ฟ) สั่งสลัด  แซนด์วิช และซุป  ยกเว้น จิม ซึ่งสั่ง “ ไอศกรีม”
 “ เอาไอติมช๊อคโกแลต 2 ลูก เขาบอกพนักงานเสริฟ
  
ผมแทบไม่เชื่อหูเลยว่า ผมได้ยินถูกต้องหรือไม่ และทุกคนในโต๊ะก็ถึงกับตกตะลึง  แต่จิมก็ช่วยตอกย้ำให้ชัดเจนอย่างไม่สะทกสะท้านว่า
“ ช่วยเสริฟมาพร้อมกับพายแอปเปิ้ลร้อนๆนะ”

พวกเราในโต๊ะพยายามสำรวมท่าทีตามมารยาทโดยไม่สนใจใยดีกับพฤติกรรมการกินของจิม และก็ไม่อยากบอกเลยว่า เมื่ออาหารของผมถูกนำมาเสริฟ ผมรู้สึกว่ามันช่างไม่อร่อยเอาเสียเลย 

ผมได้แต่นั่งมองจิมกินขนมพายแอปเปิลกับไอศกรีมของเขาอย่างเอร็ดอร่อย คนอื่นๆที่ยังคงสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น   ก็ได้แต่นั่งกินอาหารของตัวเองอย่างเงียบๆ พร้อมกับอมยิ้มอย่างงงๆ

 วันต่อมา ผมออกไปกินอาหารกลางวันอีกครั้ง โดยได้เชิญจิมมาร่วมโต๊ะด้วย  คราวนี้ผมสั่งปลาทูน่าเนื้อขาว แต่จิมสั่งไอศกรีม ทรงเครื่อง ( ที่เรียกว่า  Parfait ) และเมื่อผมยิ้มที่เห็นเขาสั่งของหวาน  จิมจึงถามขึ้นว่า เขาทำให้ผมขบขันหรือไม่” 

คำตอบของผมคือ “ ใช่ ..." 
" แต่นอกจากขำแล้ว คุณยังทำให้ผมสับสนอีกด้วย”  
 “ ผมแปลกใจมากที่คุณสั่งขนมหวานที่อุดมไปด้วยไขมันและน้ำตาล  ในขณะที่ผมต้องระวังอาหารเพื่อเหตุผลด้านสุขภาพ "

จิม หัวเราะอย่างขบขัน  และพูดว่า
 “ ผมกำลังชิมอาหารทุกอย่างให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้  
ผมพยายามกินอาหารที่ผมอยากกิน  และจะทำทุกอย่างที่ควรจะทำ  
ชีวิตมันสั้นนะ ..เพื่อนเอ๋ย 
ผมเกลียดการพลาด   ไม่ได้ทำสิ่งดีๆที่ควรจะทำ 
ผมรู้ว่าปีนี้ผมอายุเท่าไรแล้ว   
ผมไม่เคยแก่อย่างงี้มาก่อนเลย ( เขายิ้มขณะพูด)


ดังนั้น….ก่อนที่ผมจะจากโลกนี้ไป   
ผมจึงพยายามทำในสิ่งที่ผมเคยละเลย
หรือมองข้ามมันตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ผมยังไม่ได้ดอมดมความหอมของดอกไม้เลย
มีปลาเทร๊าท์ในแม่น้ำอีกมากมายที่ผมยังไม่เคยไปตกมัน
ยังมีไอศครีมซันเดย์ทรงเครื่องให้สวาปามอีกมาก
และยังมีว่าวที่รอจะบินอยู่เหนือหัวเรา
มีสนามกอล์ฟที่ยังไม่ได้ไปเล่นอีกหลายแห่ง
มีนิทานตลกๆอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้หัวเราะไปกับมัน
และผมก็พลาดการแข่งขันกีฬาดีๆไปหลายแมตต์ 
รวมไปถึงมันฝรั่งทอดกับโค๊กที่ขายในสนามด้วย


ผมอยากมีโอกาสได้ลุยสายน้ำใสในลำธาร
หรือรู้สึกถึงละอองคลื่นทะเลที่ปลิวมาสัมผัสกับใบหน้า
ผมอยากมีโอกาสได้นั่งในโบสถ์เล็กๆแถวบ้านนอกอีกสักครั้ง
เพื่อขอบคุณในพระกรุณาธิคุณของพระผู้เป็นเจ้า 


ผมอยากกินขนมปังปิ้งทาเนยถั่วเป็นอาหารเช้าทุกวัน
ผมอยากใช้โทรศัพท์ทางไกลคุยกับผู้คนที่ผมรัก แบบไม่ต้องมีกำหนดเวลา
ผมยังไม่ได้ร้องไห้เวลาดูหนังเศร้าเลย 
หรือแม้แต่จะเดินกลางสายฝนในยามเช้า
ผมอยากได้สัมผัสของสายลมที่พลิ้วผ่านใบหน้าผม
และแน่นอน ผมอยากจะมีความรักอีกสักครั้ง......


ดังนั้น.........เมื่อผมเลือกที่จะสั่งของหวาน  แทนที่จะเป็นอาหารจานหลัก 
 และเกิดผมตายไปก่อนที่ช่วงเย็นนี้ จะมาถึง   
ผมก็จะตายอย่างผู้ชนะ  
เพราะผมไม่ได้พลาดอะไรเลย   
ผมได้เติมเต็มความปรารถนาของผมเรียบร้อยแล้ว
ผมได้กิน “ช๊อคโกแลต มูส”  ถ้วยสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว 
ก่อนที่ชีวิตผมจะหมดเวลาลง 


หลังจากฟังจิมพูดเสร็จ  ผมรีบเรียกพนักงานเสริฟมาอีกครั้งพร้อมพูดว่า
" ผมเปลี่ยนใจแล้ว  ผมเอาไอศกรีมแบบที่คุณคนนี้สั่ง แต่ขอเพิ่มวิปครีมด้วยนะ "


และทั้งหมดนี่คือของขวัญที่ผมมอบให้คุณทุกคน   
เราต้องการ “ วันเพื่อนแห่งชาติ” เพื่อส่งจดหมายนี้
หากคุณบังเอิญได้รับจดหมายแบบนี้จากเพื่อนซ้อน 2 ครั้ง 
นั่นแปลว่า  คุณมีเพื่อนมากกว่า 1 คน


จงใช้ชีวิตให้สุขสบาย  รักคนให้มาก หัวเราะบ่อยๆ และมีความสุขกับชีวิต    
จำไว้ว่า ความสุขไม่ได้ขึ้นกับจำนวนทรัพย์สิน  อำนาจวาสนา หรือศักดิ์ศรี 
แต่ขึ้นอยู่กับมิตรภาพและความสัมพันธ์ ระหว่างเรากับคนที่เราชอบและนับถือเขา 
 
จำไว้ว่า " ขณะที่เงินกำลังพูด  แต่ไอศกรีมช๊อคโกแลตต์ กำลังร้องเพลง "
 
จงอยู่อย่างสบายใจ  หัวเราะให้เต็มที่  และมีความรักตลอดเวลา  (จนหมดหัวใจ )




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น