บ้านป้าLily หลังนี้เปิดไว้เพื่อให้เป็นที่ที่เพื่อนๆมานั่งตั้งวงคุยกันด้วยเรื่องที่เราชอบ
โดยมีป้า Lily มานั่งเล่าเรื่องที่ดีมีประโยชน์ แถมสนุกสนานให้ฟังอีก
วันที่ท้องฟ้าสดใสในเวลาแดดร่มลมตกไม่มีอะไรดีไปกว่าการมานั่งที่ ชานเรือนของบ้านป้าLily อีกแล้ว


ยินดีต้อนรับทุกท่านจ๊ะ

วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

กินข้าวแกงพม่า


วันนี้ขอพาไปทานอาหารกลางวันแบบพื้นบ้านของพม่า
เป็นร้านอาหารที่คนพม่าเขานิยมทานกัน ด้วยการทำการบ้านก่อนไป
โดยค้นหาว่าคนพม่าเขากินร้านอาหารชื่ออะไรบ้าง แล้วก็บอกเพื่อนให้พาไป
เล่นเอาคนนำทางถึงกับงง เพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะชอบทานอาหารตามโรงแรม
หรือไม่ก็ร้านใหญ่อลังการณ์งานสร้างเสียมากกว่า แต่เราร้องหาแต่ร้านพื้นบ้าน
ซึ่ง หากเป็นนักเขียนก็เป็นแบบหักปากกาเซียนกันเลย
ร้านที่ร้องอยากไปทานร้านนี้ชื่อร้าน ออง ตุ คา

ร้านเป็นบ้านที่ดัดแปลงเป็นที่นั่งทาน มี 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นที่นั่งแบบโต๊ะ
ชั้นบนของร้านเป็นแบบนั่งกับพื้น บรรยากาศสะอาดใช้ได้

สังเกตดูลูกค้าร้านนี้เป็นทั้งคนพม่า และคนต่างชาติที่มาทำงานที่นี่ นักท่องเที่ยวไม่มีเลย

ร้านนี้เป็นร้านขายอาหารสำเร็จรูป ไม่ใช่ตามสั่ง มีตู้ใส่อาหารหน้าตาเหมือนบ้านเรา

หน้าตาอาหารก็คล้ายๆของเรา เดี๋ยวก็รู้ว่ารสชาติจะเหมือนของเราหรือไม่

พอนั่งโต๊ะปุ๊บ.... ยังไม่ทันสั่งอาหาร( ต้องเดินไปดูที่ตู้แล้วสั่ง)
ก็จะมีชุดน้ำพริกปลาร้า มาวางให้ทันที ฟรีจ๊ะ

น้ำพริกปลาร้าที่นี่ ไม่ค่อยมีกลิ่นเหมือนบ้านเรา ลองชิมดูมีรสเค็มนำ
ส่วนรสอื่นไม่เด่นชัดนัก ส่วนผักจิ้มหน้าตาเหมือนปักษ์ใต้บ้านเรา
สังเกตดู อาหารพม่ารสไม่เผ็ดนัก ถูกใจเราจริงๆ

ยังไม่ทันเดินไปสั่งอาหาร ก็มีซุปผักร้อนๆ มาเสริฟให้คนละถ้วยอย่างนี้
ซุปเป็นซุปผักกะหล่ำ และผักอะไรสักอย่างนึกไม่ออก มีรสขมนิดๆ แต่อร่อยชื่นใจดีมาก

เอาล่ะ ขอสั่งอาหารล่ะน๊า....
จานแรกเป็นมัสมั่นแพะ น่าทานมาก แถมอร่อยสุดๆ
หอมเครื่องเทศ เนื้อนุ่ม รสถูกใจ ทุกวันนี้ ยังคิดถึงอยู่เลย

จานที่สองเป็นกุ้งแม่น้ำตัวโตๆ ผัดกับพริกหวาน และมะเขือเทศ รสคล้ายผัดเปรี้ยวหวาน
แต่ไม่หวาน อร่อยดีมาก จานนี้เป็นจานที่ราคาแพงที่สุด เกือบร้อยบาท

ต่อไปเป็นแกงกะหรี่ไก่ รสชาติได้รับอิทธิพลมาจากทางอินเดีย
ซึ่งดีมากตรงที่ไม่หวานเหมือนบ้านเรา

จานนี้ เพื่อนชาวพม่าสั่งมาให้ เป็นยำมะเขือเทศ ลองชิมดู
โอ้โห....อร่อยดีจัง เปรี้ยวหวานกำลังดี ชื่นใจมาก

านสุดท้าย คุณนายLily สั่งเองด้วยความอยากชิมของแพงๆ
ก็กุ้งอีกนั่นแหละ ลูกชิ้นกุ้งผัดกับมะเขือเทศ ถูกใจคุณนายอีกแล้ว

สภาพโต๊ะอาหารที่ทานไปเกือบอิ่ม ย้ำ...เกือบอิ่ม
แต่อาหารดูเหมือนไม่ค่อยหายไปจากจานเลย เหตุเพราะ
ขณะนั่งทานอยู่ดีๆ ก็มีมือลึกลับล้วงเข้ามาหยิบจานอาหารออกไป
พอเรามองตามด้วยความตกใจก็พบว่า เป็นพนักงานของทางร้าน
เห็นอาหารพร่องเลยหยิบไปเติมให้ ทุกจาน
ไอ้เรา ก็พยายามทานให้หมด เขาก็จะมาเติมให้อีก
จนเราต้องจับมือเอาไว้บอกว่า Stop - Enough !!
พร้อมทำหน้าราวกับว่ากำลังจะท้องแตกตาย
สรุปว่า ราคาอาหารไม่แพงเลย เพราะเติมไม่ยั้ง

พอ เห็นเราอิ่ม เขาก็ยกกล่องถาดหลุมใบใหญ่มา
เป็นกล่องเมี่ยง ( ใบเมี่ยงดอง คล้ายของทางเหนือบ้านเรา)
พร้อมเครื่องเคียงให้ลูกค้าทุกคนเคี้ยวหลังอาหาร ( ยังจะเคี้ยวไหวอีกหรือ)

เสร็จจากเคี้ยวเมี่ยง ก็มาถึงของหวาน(ฟรี)
ซึ่งหวานจริงๆ นั่นคือน้ำตาลอ้อย ปั้นเป็นก้อนกลมเล็ก
ให้เคี้ยวหรืออมแทนขนม เราก็ใช้บริการเขา 1 ก้อน
แต่เคี้ยวไม่ไหว เพราะแข็งและหวานมาก

ที่จริงตั้งใจว่าหลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ
จะไปหาขนมพม่าแท้ชิมสักหน่อย แต่ก็ไปไม่ถึงร้านขนมเสียที
เห็นทีว่าคงต้องซื้อตั๋วเรือบินไปชิมคราวต่อไปจะดีกว่า
วันนี้ พุงแน่นไปหมดแล้ว เจ้าค่

3 ความคิดเห็น:

  1. อิ ๆ อยากทานทุกอย่างค่ะ ยกเว้นมัสมั่นแพะ แบ๊ะๆๆ

    และด้วยความงก ขอยกน้ำตาลอ้อยกลับบ้านได้ไหมคะ ...เห็นแล้วคิดว่าหอมหวานมาก อยากเอามาทำแกงบวดฟักทองค่ะ หรือทำสังขยา ขนมหม้อแกง อะไรสารพัดที่ตอนนี้อยากินจริงๆ

    ตอบลบ
  2. แล้วเมื่อไรจะได้กิน เดนนิส บอลล์ ล่ะ รออยู่น๊า ...

    ตอบลบ
  3. มีเพื่อนพม่าอยู่ที่นี่ชวนไปเที่ยวบ้านเขาอยู่ย่างกุ้งไม่รู้วันไหนปีไหนจะไปค่ะแต่รู้ละว่าต้องพกพริกป่นติดตัวไปด้วยชอบทานเผ็ดค่ะ :D

    ตอบลบ