บ้านป้าLily หลังนี้เปิดไว้เพื่อให้เป็นที่ที่เพื่อนๆมานั่งตั้งวงคุยกันด้วยเรื่องที่เราชอบ
โดยมีป้า Lily มานั่งเล่าเรื่องที่ดีมีประโยชน์ แถมสนุกสนานให้ฟังอีก
วันที่ท้องฟ้าสดใสในเวลาแดดร่มลมตกไม่มีอะไรดีไปกว่าการมานั่งที่ ชานเรือนของบ้านป้าLily อีกแล้ว


ยินดีต้อนรับทุกท่านจ๊ะ

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ต้มสับปะรด .....



     ต้มสับปะรดกับหมู  เป็นอาหารที่เห็นมาตั้งแต่เป็นเด็ก และบอกได้เลยว่าแค่ชิมไปครั้งเดียวก็ไม่อยากกินอีกเลย  แถมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมยายกับตาจึงชอบกินเจ้าต้มสับปะรดนี้จัง   รู้สึกเหมือนว่าอาหารชนิดนี้ไม่น่านำมากินเป็กับข้าวได้  เพราะคิดอยู่เสมอว่า สับปะรดเป็นของหวาน 


ทุกครั้งที่ยายของฉันทำต้มสับปะรดกับหมู ฉันก็จะหลีกเลี่ยงไม่ยอมกิน เพราะหน้าตาของมันไม่เชิญชวนเอาเสียเลย การกินผลไม้ร้อนๆในน้ำแกงนี่มันเป็นเรื่องแปลกมาก  ถึงกระนั้นดูเหมือนว่า อาหารชนิดนี้จะเป็นขวัญใจของผู้สูงอายุเสียจริง  เพราะขนาดวันทำบุญเลี้ยงพระ ยายก็ยังอดที่จะทำเจ้าต้มประหลาดนี้ไม่ได้  แต่พอเห็นหลวงตา และอุบาสก อุบาสิกาทั้งหลายนั่งซดน้ำอาหารจานนี้อย่างเอร็ดอร่อย ฉันก็พอจะเข้าใจว่า  อาหารบางชนิดเหมาะสมกับคนบางอายุ  คนสูงอายุชอบต้มซุปร้อนๆที่กินแล้วคล่องคอชื่นใจ แต่คนหนุ่มสาวต้องอาหารรสจัด เคี้ยวอร่อยเท่านั้น


หลังจากลืมอาหารจานนี้ไปนานหลายสิบปี  อยู่ดีๆก็นึกถึงขึ้นมาได้ว่าเคยกิน แต่ปัจจุบันไม่ค่อยมีคนทำขายมากนัก  จะมีก็แค่ตามบ้านที่ทำอาหารกินเอง  สงสัยว่าเราคงถึงเวลาซดน้ำซุบรสเปรี้ยวๆหวานๆของต้มสัปรดเสียแล้ว ..... ( อายุเข้าเกณฑ์ ) 


ต้มสับปะรดกับหมูเป็นอาหารเก่าแก่ของเมืองไทย  มีทำกินกันทุกภาค บางคนบอกว่าพบมากที่ภาคตะวันออก แต่ฉันก็เห็นมีทุกที่ ทุกภาค เพียงแต่มีคนทำกินน้อยลง  มาลองทำต้มสับปะรดกินกันดีกว่า  วันนี้ แม้คนส่วนใหญ่จะใช้ต้มกับหมูสามชั้น แต่ฉันชอบต้มกับไก่มากกว่า เพราะใช้เวลาในการเคี่ยวน้อยดี


 ไปจ่ายเครื่องปรุงกันค่ะ 

 1.ต้มสับปะรด ก็ต้องซื้อสับปะรด เลือกซื้อแบบที่เขาเรียกว่า  “สับปะรดแกง”  ที่มีความสุกของเนื้อน้อย สีเนื้ออ่อน เนื้อแข็งไม่ฉ่ำ และมีรสเปรี้ยว ส่วนใหญ่จะมีขายที่แผงขายผัก  หากซื้อที่แผงขายผลไม้จะได้สับปะรดกิน ที่มีรสหวานฉ่ำ ไม่เหมาะที่จะนำมาทำอาหาร
  
2.หมูสามชั้น หรือไก่  ฉันใช้ไก่ส่วนน่องที่เนื้อจะนุ่มแต่ไม่เละ


3.เครื่องแกง : กะปิ พริกไทย รากผักชี หอมแดง กุ้งแห้ง


4. เครื่องปรุงรส : น้ำตาลโตนด น้ำปลาหรือซีอิ้วขาว



เริ่มปรุง


-      หั่นหมูเป็นชิ้นขนาด 1 ½ นิ้ว แต่ถ้าเป็นไก่ ฉันชอบชิ้นใหญ่หน่อย


-    สับปะรดปอกเปลือกเอาตาออกให้หมด ล้างน้ำนำมาหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดตามใจ เอาแบบว่าสามารถกินได้ชิ้นละคำก็แล้วกัน


-   แช่กุ้งแห้งให้นุ่มสักพัก บีบน้ำออกให้หมด นำมาตำให้ละเอียด ใส่ หอมแดง พริกไทย กะปิ รากผักชี โขลกรวมให้ละเอียดเป็นเครื่องแกง  ต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถบอกปริมาณได้ว่า ใส่อะไรแค่ไหน  เพราะเท่าที่ทำมา ไม่เคยวัด ชั่ง ตวง ใช้วิธีกะจำนวนเอา  ก็ใช้อย่างละนิดละหน่อย ที่ต้องระวังก็คือกะปิ บางท่านที่ไม่ชอบอาจจะไม่ใส่ก็ได้  ส่วนท่านที่จะใส่ ใช้เพียง 1 หรือครึ่งหัวนิ้วแม่มือก็พอ( นิ้วหัวแม่มือ : เป็นหน่วยวัดปริมาณเครื่องปรุงประจำบ้านของเรา )


- ตั้งหม้อใส่น้ำซุป หรือน้ำเปล่า บางบ้านเขาจะเอาเครื่องแกงลงผัดกับน้ำมันก่อน แล้วเอาหมูหรือไก่ลงไปผัดให้สุกพอห่ามๆ ก่อนจะใส่ลงไปในหม้อน้ำซุป  วิธีนี้จะช่วยให้น้ำแกงมีกลิ่นหอมขึ้น  แต่น้ำแกงจะมันมาก เพราะนอกจากน้ำมันที่ใช้ผัดแล้ว  ยังมีน้ำมันจากหมูสามชั้น และไก่ออกมาอีกด้วย  ฉันชอบแบบไทยๆที่น้ำแกงใสไม่มีน้ำมันลอยบนหน้า จึงไม่ผัดเครื่องแกง โดยเมื่อน้ำซุปเดือดจึงใส่เครื่องแกงลงไปเคี่ยวเลย


  - เมื่อน้ำแกงเดือดอีกครั้ง ใส่ไก่ หรือหมูลงไป  ตามด้วยสับปะรดเคี่ยวสักพักให้เนื้อสัตว์และสับปะรดสุกดี  อย่าเพิ่งเติมเครื่องปรุงรส ต้องชิมน้ำแกงก่อนว่าหวาน เค็ม แค่ไหน เพราะเครื่องแกงจะมีกะปิ และกุ้งแห้งที่มีรสเค็ม ส่วนสับปะรดเมื่อโดนความร้อน ไม่ว่าจะด้วยการต้มหรือการย่าง ความหวานจะออกมา หากเป็นสับปะรดแกงจะมีรสเปรี้ยวด้วย แต่ถ้าใช้สับปะรดกินที่เนื้อสุกฉ่ำจะมีแต่ความหวาน 

 - หลังจากชิมรสน้ำแกงแล้ว ค่อยเติมน้ำปลา หรือซีอิ้ว กับน้ำตาลโตนด หากไม่เปรี้ยวคงต้องแอบใส่น้ำมะนาวสักหน่อย ( สับปะรดแกงไม่ต้องใส่น้ำมะนาว) น้ำตาลต้องใส่หลังสุด เพราะน้ำตาลจะทำให้เนื้อหมู หรือไก่เปื่อยช้า 


- ฉันจะให้น้ำแกงเดือดแค่ช่วงใส่เครื่องปรุงเท่านั้น  หลังจากนั้น จะตักฟองออกให้หมด  ในช่วงที่เคี่ยวลดไฟลงให้เดือดปุดๆ เพื่อให้น้ำแกงใส 

 -รสของต้มสับปะรดจานนี้ จะมีรสเค็ม เปรี้ยว หวาน อย่างอ่อนๆ ไม่เข้มข้น แต่จะหอมเครื่องแกงมาก ทำเสร็จอย่าเพิ่งกิน ควรทำไว้ล่วงหน้า เช่นจะกินมื้อเย็นก็ทำตอนเช้า เพราะการปล่อยทิ้งไว้จะช่วยให้รสดีขึ้นมาก ทั้งเนื้อหมูและเนื้อสับปะรดจะมีรสน้ำแกงซึมเข้าไป  เมื่อถึงเวลากินก็นำมาอุ่น ซดร้อนๆ ชื่นใจมาก  



เอ๊ะ....นี่เราแก่แล้วจริงๆด้วย








2 ความคิดเห็น:

  1. ดีนะคะที่ป้าคิดทำตอนนี้ ไม่งั้นจะเสียดายแย่เลย ซดน้ำแกงอุ่นๆ อร่อยมากค่ะ ทำรสอ่อนๆ หอมกลิ่นเครื่องปรุง ที่บ้านทำต้องเป้นหมูสามชั้นค่ะ ต่อรองกัน ขอสองชั้นได้มั้ย เขาบอกสองชั้นน้อยไป จะเอาสามชั้น คนกินนี่เรื่องมากซะจริงๆ

    ตอบลบ