บ้านป้าLily หลังนี้เปิดไว้เพื่อให้เป็นที่ที่เพื่อนๆมานั่งตั้งวงคุยกันด้วยเรื่องที่เราชอบ
โดยมีป้า Lily มานั่งเล่าเรื่องที่ดีมีประโยชน์ แถมสนุกสนานให้ฟังอีก
วันที่ท้องฟ้าสดใสในเวลาแดดร่มลมตกไม่มีอะไรดีไปกว่าการมานั่งที่ ชานเรือนของบ้านป้าLily อีกแล้ว


ยินดีต้อนรับทุกท่านจ๊ะ

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Mes Amis

ช่วงนี้ว่างงานเลยมีเวลานำเรื่องราวที่น่าสนใจมา Update บล็อกได้บ่อย ก่อนจะเขียนเล่าเรื่องก็ย้อนกลับไปดูหน้าเก่าๆที่ได้เขียนเล่าไว้ เห็นแล้วก็ตกใจมาก ที่ปรากฏว่าบรรดาบทความที่ทั้งหลายทั้งหมดในบล็อกนี้ ล้วนมีแต่เรื่องรับประทานเสีย 90% เรื่องอื่นๆแค่ 1% เอง และเรื่องที่จะเล่าวันนี้ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับอาหารอีกแล้ว

ด้วยเหตุนี้ อิฉันจึงต้องรีบทบทวนเจตนารมณ์ของบล็อกว่า แท้จริงตั้งขึ้นมาด้วยเรื่องอาหารการกินเป็นหลักใหญ่ ใช่หรือไม่ และก็โชคดีที่ หนึ่งในนั้นมีเรื่องอาหารอยู่ด้วย แปลว่า ไม่ขัดต่อเจตนารม์ เป็นอันรอดตัวไป

ถ้าอย่างนั้น วันนี้ขออนุญาติคุยเรื่องอาหารอีกสักครั้ง สัญญาว่าคราวหน้าจะหาเรื่องเที่ยว มาคุยบ้าง ( เน้นคำว่า " บ้าง" )

วันนี้จั่วหัวเรื่องว่า Mes Amis แปลว่าเพื่อน หลายคนคงตั้งหน้าตั้งตาว่าจะเห็นอาหารฝรั่ง ขอรับรองว่ามีอาหารฝรั่งแน่นอน และมาจากร้านที่ชื่อ MESAMIS จริงๆด้วย แต่ที่ใช้ชื่อเรื่องว่า ?es Amis ก็เพื่อจะสื่อว่า วันนี้อิฉันได้ออกไปทานอาหารกับเพื่อนกัน 2 คน และไม่ได้ทานกันแบบธรรมดา ต้อง เรียกว่า ก.ต.ล.ว . = กินตลอดวัน เพราะอิฉันอยู่กับหล่อนตลอดวัน กินกันทั้งวันจริงๆเจ้าค่ะ




เริ่มด้วยมื้อกลางวัน เรียกว่ามื้อสายๆจะดีกว่า เราก็ไปตั้งต้นกันที่ร้าน ฮกกี่ โภชนา เพราะอยากรับประทานห่านพะโล้ ร้านนี้มีชื่อเสียงเรื่องห่านพะโล้มาก ร้านฮกกี่อยู่ถนนพระรามสี่ ไม่ไกลจากสนามกีฬา เท่าใดนัก

หน้าร้านเป็นแบบย้อนยุคแบบนี้มีมากกว่า 50 ปีแล้ว
ปัจจุบันก็ยังเป็นอย่างนี้ แต่ข้างในร้านติดแอร์นั่งสบาย

จานแรกที่เพื่อนอยากกินมากคือ เนื้อเก้งผัดน้ำมันหอย
ซึ่งรสชาติอร่อยจริงๆอย่างที่เพื่อนพรรณาไว้

ส่วนของอิฉัน ขอห่านพะโล้ มาทานให้สมใจ หน้าตาน่าทานมากอย่างนี้

สองจานแรกเป็นแค่ Starter อิฉันสั่ง ขาห่านอบบะหมีมา
เพราะไม่ได้ทานนานแล้ว อร่อยอีกนั่นแหละ

ที่จริงเราสองคนน่าจะอิ่มกันได้แล้ว แต่ความอยากชิม
ทำให้เราสั่งกระเพาะปลาน้ำแดงมาเพิ่มอีก
เลยต้องจำใจรับผิดชอบกันจนหมด แต่ของเขาก็อร่อยจริง


หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ เราก็เดินเรื่อยเปื่อยไปตามศูนย์การค้าต่างๆ
เพื่อย่อยอาหารแต่เจ้ากรรมที่บังเอิญมาหยุดหน้าร้านขนมชื่อดังแห่งหนึ่ง
เห็นมีคนเข้าคิวรอที่นั่งแถวยาวมาก ทั้งๆที่ไม่ได้หิวเลยแม้แต่น้อย
แต่ด้วยความอยากลอง เราจึงไปลงชื่อเข้าคิวกับเขาบ้าง
หลังจากรออยู่ครึ่งชั่วโมงก็มีที่ว่างให้เราแทรกตัวอ้วนๆของเราสองคนลงไปนั่งได้

ทางร้านก็ใจดี รีบนำคุ๊กกี้มาให้เคี้ยวช่วงรออาหาร พอเห็นขนมก็รีบคว้าใส่ปากเลย
ลืมไปว่าต้องบันทึกรูปไว้ก่อนว่าทานอะไรไปบ้าง จึงขออภัยทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยที่คุ๊กกี้อันนี้
มีรอยฟันสองซี่ของอิฉันประทับตราไว้เป็นสำคัญเช่นนี้

เอาล่ะ ขนมที่สั่งมาแล้ว มาร้านนี้หากไม่สั่ง Chocolate Lava ก็ดูจะไร้ภูมิรู้ไปสักหน่อย
ขอสารภาพว่าเมื่อเห็นขนมจานนี้แล้วค่อนข้างตกใจ เพราะวาดหวังว่าขนมจะมีชิ้นใหญ่กว่านี้
แต่ที่มาในจานนี่ หากเปรียบกับที่เราทำเองแล้วล่ะก็ เป็นไซด์รุ่นหลานเลย
( นี่ขนาดไม่หิวนะ ยังงกขนาดนี้) แต่ก็โอเค รสชาติดีตามที่คนร่ำลือ

อีกจานที่หากไม่สั่งคงต้องกลับไปตั้งต้นเข้าคิวใหม่กันเลย นั่นคือ Shibuya Honey Toast
ซึ่งก็มีขนาดไม่ใหญ่เหมือนในรูปที่เราเคยคาดหวังไว้ แต่ก็อร่อยอีกนั่นแหละ

ที่จริงขนมสองจานนี่ก็อิ่มมากแล้วนะ แต่แม่เพื่อนของอิฉัน
หล่อนเป็นคนชอบรับประทานทุกอย่างที่ขวางหน้า บอกว่ายืนรอนานมาก
กินสองอย่างไม่คุ้มกับเวลาที่รอ เลยสั่งมาอีกอย่าง
ชิ้นที่สามนี่อิฉันจำชื่อไม่ได้จริงๆว่าชื่ออะไร เพราะสมองเริ่มเบลอมากแล้ว
เป็นเค็กช๊อคโกแลต มีเมล็ดมาชเมลโล แทรกอยู่ เสริฟมากับไอศครีมชาเขียว
มาถึงจานนี้แม้จะอร่อยแต่อิฉันก็จุกมากจนพูดไม่ออกแล้วจ๊ะ


หลังจากอิ่มกับขนม ( ทั้งๆที่อาหารกลางวันยังย่อยไม่หมด ) เราก็เดินช๊อปปิ้งแบบงงๆ
พยายามหาหนังดูอยู่หลายโรงก็ไม่ถูกใจ จึงนั่งคุยกันไปคุยกันมาพักใหญ่
ในที่สุดเพื่อนก็ชวนไปกินข้าวเย็นต่ออีก ความที่ขัดเพื่อนไม่ได้


อิฉันจึงจำต้องตามหล่อนไปร้านโปรดที่ชื่อ MESAMIS

ภายในร้านวันนี้มีลูกค้าไม่มาก เลยถือโอกาสเดินทักทายขนมเค็กในตู้โชว์ไปพลางๆ
ล้วนหน้าตาน่าเอ็นดูทั้งนั้น





ขณะกำลังรออาหารที่สั่ง ทางร้านก็นำออร์เดริฟ มาให้ทานเล่นก่อน
เป็นสลัดปูอัดม้วนด้วยแตงกวาญี่ปุ่นสได์บางๆ
ราดด้วยน้ำสลัด กินกันคนละคำ รสสดชื่นดีจ๊ะ

จานแรกที่สั่งมาเป็นออร์เดริฟ คือ Deep Fried Mozzarella Sticks จิ้มซ๊อสมะเขือเทศ

ขนมปังใหม่สดกรอบนอกนุ่มใน เสริฟมาในตะกร้า

เนยทาขนมปังเสริฟมาสวยงาม

Spinach au Gratin

Spaghetti Italian Sausage ของอิฉันเองแหละเจ้าค่ะ

Roasted Cod Mustard Sauce ของเพื่อน

มาถึงของหวาน ขาดไม่ได้คือ Tiramisu

และเค็กชาเขียว ของโปรดของเพื่อน


ในที่สุดภาระกิจเรื่องรับประทานอาหารของเราก็สิ้นสุดลง อาหาร 3 มื้อตลอดทั้งวันนี้
ขอรับรองว่าเราสองคนเป็นผู้รับประทานกันทั้งหมด ไม่มีใครเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระนี้เลย

วันนี้อิฉันก็เริ่มวิตกกังวลว่า อิฉันมีเวลา 3 เดือนที่ต้องลดปริมาณ โคเลสโตรอลลงให้ได้
แต่นี่ก็ผ่านมา 1 สัปดาห์แล้ว อิฉันยังไม่สามารถลดอาหารแบบเดิมๆได้เลย
แล้วอิฉันจะเอาหน้าที่ไหนไปแก้ตัวกับหมอได้ล่ะเนี่ย





1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ19 พฤษภาคม 2554 เวลา 00:46

    Awesome pictures.What a joy to read. funny funny too. I wish I could be in your company that day. May I reserve some time to go out eating with you for my next trip. Thanks for sharing na ja.

    ตอบลบ