บ้านป้าLily หลังนี้เปิดไว้เพื่อให้เป็นที่ที่เพื่อนๆมานั่งตั้งวงคุยกันด้วยเรื่องที่เราชอบ
โดยมีป้า Lily มานั่งเล่าเรื่องที่ดีมีประโยชน์ แถมสนุกสนานให้ฟังอีก
วันที่ท้องฟ้าสดใสในเวลาแดดร่มลมตกไม่มีอะไรดีไปกว่าการมานั่งที่ ชานเรือนของบ้านป้าLily อีกแล้ว


ยินดีต้อนรับทุกท่านจ๊ะ

วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2553

Stop and smell the rose

Stop and smell the rose ประโยคนี้เห็นมานานจาก E-Card ที่มีคนส่งมาให้
เข้่าใจความหมายดี และนำไปสอนคนอื่นอยู่บ่อยๆ แต่คิดไม่ถึงว่า " ไม่เคยสอนตัวเองเลย"

วันนี้เป็นวันแรกที่เข้าใจมันอย่าง ลึกซึ้ง !
และได้รับตอบแทนกลับมาอย่างสมบูรณ์ สมปรารถนา อย่างคาดไม่ถึง

หลังจากใช้วิธีออกกำลังกายมาช่วย เยียวยาความคิดอันสับสนอยู่ พักใหญ่
ผลที่ได้รับดีในระดับหนึ่ง แต่วิธีการดูจะไม่สร้างสรรค์เอาเสียเลย
สำหรับฉัน การออกกำลังกายเป็นช่วงเวลาที่จะได้อยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง โดยไม่ต้องกังวลกับคนรอบข้าง แถมยังช่วยให้ได้ร่างกายแข็งแรงอีกด้วย

ทุกวันฉันเดินอย่างตั้งใจ ใช้สมาธิในการเดิน โดยไม่ลืมที่จะหายใจเอาอากาศที่สกปรกน้อยที่สุดเข้าปอด
ฉันเดินไปตามทิศทางเดิม เวลาเดิม ความเร็วเท่าเดิม พบผู้คน( ที่ไม่เคยทักทายกันเลย) กลุ่มเดิม
และกลับถึงบ้านเวลาเดิม ฉันตั้งเวลาไว้ในใจทุกวัน โดยไมรู้ว่าทำไมต้องรีบ

สิ่งที่ฉันเห็นคือ วิวเดิมๆ และ ด้านหลังของคนที่เดินไปในทางเดียวกัน ทุกวัน
วันไหนที่มีคนผ่าเหล่าเดินสวน ทิศทางมา แม้ไม่ใช่เรื่องผิดระเบียบของสถาน ที่
แต่ฉันก็ยังไม่วาย นึกตำหนิในใจ ว่า
" มาจากไหนกันเนี่ย " หรือ
"หมอนี่แปลกคน ทำไมไม่ดูคนอื่นเขาบ้าง"

มันเป็นวันนี้เองที่ ฉันอยากจะใช้เวลากับตัวเอง และเพลงเพราะจาก MP3 ของฉันอีกสักพัก
วิธีที่จะยืดเวลาออกไปแค่พอเหมาะ กับกำลังขาของฉันก็คือการ เดินเพิ่มอีกครึ่งทาง

ความคิดหนึ่งแว่วเข้ามาในสมอง ให้ลองเลี้ยวไปในทางที่ไม่เคยเดิน ไปมาก่อน
ฉันเดินในสวนนี้มาเกือบปีแล้ว แต่ไม่เคยเดินออกนอกถนนวงกลมรอบ สวนนี้เลย
มันน่าแปลกใจมาก ที่ฉันรู้สึกสุขใจอย่างประหลาดกับวิวสองข้างทางที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ยิ่งลึกเข้ามากลางสวน อากาศก็ยิ่งเบาสบาย ดอกไม้สองข้างทางปรากฏให้เห็นตลอดทาง

ฉันหยุดดมกลิ่นดอกไม้ ชมสีสัน ของกลีบงาม มันช่างสวยงามและสดชื่นอะไรเช่นนี้หนอ
ฉันวางความคิดเรื่องการเดินเร็ว เพื่อทำเวลา ให้ได้ตามที่ตั้งใจไว้
แล้วหยุดดื่มด่ำความสงบของสวน ดอกไม้ข้างทาง
สิ่งที่ชีวิตฉัน หัวใจฉัน ต้องการก็แค่นี้ล่ะ ความสุขไง

เราเดินผ่านมันมาทุกวัน แต่ไม่เคยหยุดเก็บเกี่ยวมันเลย
เราพยายามหาวิธีเยียวยาจิตใจ แต่ไม่เคยรักษาตัวเอง

วันนี้นอกจากดอกไม้ข้างทางแล้ว ฉันยังเห็หน้าเพื่อนร่วมทางที่ มาออกกำลังกายเป็นครั้งแรก
เพราะฉันกำลังเดินย้อนทางกับพวก เขา
มีผู้คนเดินมาตามทางเป็นร้อย มีเพียงฉันคนเดียวเท่านั้นที่เดิน สวนทางไป
วันนี้อาจมีใครสักคนในร้อยคนนั้น บ่นว่าฉันใจใน
" มาจากไหนกันเนี่ย " หรือ
"ยัยนี่แปลกคน ทำไมไม่ดูคนอื่นเขาบ้าง"

บ่นไปเถอะ ฉันไม่สนใจ เพราะวันนี้ แม้จะทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับเขา
แต่ฉันมีความสุขเหลือเกิน



When I was a child
I could see the wind in the trees
And I heard a song in the breeze
It was there, singing out my name

But I am not a girl
I have known the taste of defeat
And I have finally grown to believe
It will all came around again

And though I may not
Know the answers
I can finally say I am free
And if the questions
Led me here, then
I am who I was born to be

And so here am I
Open arms and ready to stand
I've got the world in my hands
And it feels like my turn to fly

When I was a child
There were flowers that bloomed in the night
Unafraid to take in the light
Unashamed to have braved the dark

I am who I was born to be
I am who I was born to be.


Susan Boyle : Who I Was Born To Be
Songwriters: Fransson, Johan; Larsson, Tim Mikael; Lundgren, Tobias; Mae, Audra;

http://www.youtube.com/watch?v=N6AgxgPt6dE










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น