เมื่อไม่นานมานี้
ฉันได้รับ Forward Mail ที่น่าสนใจฉบับหนึ่ง
ดูเหมือนมันจะเป็น Mail ที่เอาใจฉันมาก
แต่กระนั้น ก็มีเหตุผลในตัวของมัน
มันเป็นเหมือนผู้ปลดปล่อยฉันออกจากกรงขังโดยแท้จริง จนฉันอยากจะแบ่งปันเนื้อหาของจดหมายนี้กับเพื่อนๆ
...( เฉพาะคนที่เข้าใจ)เป็นอย่างยิ่ง
ฉันรู้ว่ามันต้องมีเหตุผลเสมอว่า
ทำไมฉันถึงกิน ฉันกินอะไร ฉันต้องการอะไร และเมื่อไรกัน
ความจริงของชีวิตก็คือ
คนเรามักต้องทำอะไรในชีวิตประจำวันอย่างมีเหตุผลเสมอ
เราอาจต้องอยู่ในกรอบที่กำหนดโดยสังคมประเพณีและสิ่งแวดล้อม สำหรับฉัน ..... ดูๆแล้วรู้สึกเหมือนกำลังถูกขังไว้ตลอดชีวิตด้วยคุกที่เราสร้างมันขึ้นมาเอง ด้วยความคิดกีดกันตัวเองจากสิ่งที่มีคนบอกว่ามันไม่ควร เช่น อย่ากินนี่ อย่ากินนั่น ทำไมไม่ทำอย่างนี้ ทำอย่างนี้เพื่ออะไร ?......
และวันนี้...หลังจากถูกจองจำมานาน
ฉันก็เริ่มอยากหนีออกมาจากกล่องหรือคุกนี้เสียที
ฉันอายุมากจนเกินกว่าจะแคร์กับกฏระเบียบที่ผูกมัดตัวฉันเสียแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการกิน คิดอยู่เสมอว่าการมีชีวิตอยู่ต่อไป
ควรจะอยู่อย่างมีความสุข สุขกับทุกอย่าง
รวมทั้งการกินอาหารอย่างมีความสุข...จนถึงวันสุดท้ายของฉัน
สิ่งที่จะอ่านต่อไปนี้ เป็นจดหมายที่ได้รับการส่งต่อมา ( เป็นภาษาอังกฤษที่ฉันแปลเป็นภาษาไทย-หากผิดบ้างโปรดอภัย )
มันอาจถูกมองว่าถูกต้อง และไม่ถูกต้อง
สำหรับคนที่เข้าใจสิ่งที่กำลังจะสื่อ
แค่อ่านก็เข้าใจได้โดยไม่ต้องมีการอธิบายเพิ่ม แต่สำหรับคนที่ไม่เข้าใจ
การอธิบายก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น....
รายละเอียดของบทความชื่อ
Lunch
with friends.......... อาหารมื้อกลางวันกับเพื่อน
เขียนว่า................
วันหนึ่ง ผมไปกินอาหารกลางวันกับบรรดาก๊วนกอล์ฟ โดยมี จิม นักกอล์ฟวัย 80 ปี อยู่ในก๊วนนี้ด้วย ดูช่างเป็นก๊วนที่น่าสนุกสนานเสียจริง หลังจากดูเมนู พวกเรา (นักกอล์ฟ) สั่งสลัด แซนด์วิช และซุป ยกเว้น จิม ซึ่งสั่ง “ ไอศกรีม”
“ เอาไอติมช๊อคโกแลต 2 ลูก” เขาบอกพนักงานเสริฟ
ผมแทบไม่เชื่อหูเลยว่า
ผมได้ยินถูกต้องหรือไม่ และทุกคนในโต๊ะก็ถึงกับตกตะลึง
แต่จิมก็ช่วยตอกย้ำให้ชัดเจนอย่างไม่สะทกสะท้านว่า
“
ช่วยเสริฟมาพร้อมกับพายแอปเปิ้ลร้อนๆนะ”
พวกเราในโต๊ะพยายามสำรวมท่าทีตามมารยาทโดยไม่สนใจใยดีกับพฤติกรรมการกินของจิม และก็ไม่อยากบอกเลยว่า
เมื่ออาหารของผมถูกนำมาเสริฟ ผมรู้สึกว่ามันช่างไม่อร่อยเอาเสียเลย
ผมได้แต่นั่งมองจิมกินขนมพายแอปเปิลกับไอศกรีมของเขาอย่างเอร็ดอร่อย คนอื่นๆที่ยังคงสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ได้แต่นั่งกินอาหารของตัวเองอย่างเงียบๆ
พร้อมกับอมยิ้มอย่างงงๆ
วันต่อมา
ผมออกไปกินอาหารกลางวันอีกครั้ง โดยได้เชิญจิมมาร่วมโต๊ะด้วย คราวนี้ผมสั่งปลาทูน่าเนื้อขาว แต่จิมสั่งไอศกรีม
ทรงเครื่อง ( ที่เรียกว่า Parfait )
และเมื่อผมยิ้มที่เห็นเขาสั่งของหวาน จิมจึงถามขึ้นว่า
“ เขาทำให้ผมขบขันหรือไม่”
คำตอบของผมคือ “ ใช่
..."
" แต่นอกจากขำแล้ว คุณยังทำให้ผมสับสนอีกด้วย”
“
ผมแปลกใจมากที่คุณสั่งขนมหวานที่อุดมไปด้วยไขมันและน้ำตาล ในขณะที่ผมต้องระวังอาหารเพื่อเหตุผลด้านสุขภาพ "
จิม หัวเราะอย่างขบขัน
และพูดว่า
“
ผมกำลังชิมอาหารทุกอย่างให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้
ผมพยายามกินอาหารที่ผมอยากกิน และจะทำทุกอย่างที่ควรจะทำ
ชีวิตมันสั้นนะ ..เพื่อนเอ๋ย
ผมเกลียดการพลาด ไม่ได้ทำสิ่งดีๆที่ควรจะทำ
ผมรู้ว่าปีนี้ผมอายุเท่าไรแล้ว
ผมไม่เคยแก่อย่างงี้มาก่อนเลย ( เขายิ้มขณะพูด)
ดังนั้น….ก่อนที่ผมจะจากโลกนี้ไป
ผมจึงพยายามทำในสิ่งที่ผมเคยละเลย
หรือมองข้ามมันตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ผมยังไม่ได้ดอมดมความหอมของดอกไม้เลย
มีปลาเทร๊าท์ในแม่น้ำอีกมากมายที่ผมยังไม่เคยไปตกมัน
ยังมีไอศครีมซันเดย์ทรงเครื่องให้สวาปามอีกมาก
และยังมีว่าวที่รอจะบินอยู่เหนือหัวเรา
มีสนามกอล์ฟที่ยังไม่ได้ไปเล่นอีกหลายแห่ง
มีนิทานตลกๆอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้หัวเราะไปกับมัน
และผมก็พลาดการแข่งขันกีฬาดีๆไปหลายแมตต์
รวมไปถึงมันฝรั่งทอดกับโค๊กที่ขายในสนามด้วย
ผมอยากมีโอกาสได้ลุยสายน้ำใสในลำธาร
หรือรู้สึกถึงละอองคลื่นทะเลที่ปลิวมาสัมผัสกับใบหน้า
ผมอยากมีโอกาสได้นั่งในโบสถ์เล็กๆแถวบ้านนอกอีกสักครั้ง
เพื่อขอบคุณในพระกรุณาธิคุณของพระผู้เป็นเจ้า
ผมอยากกินขนมปังปิ้งทาเนยถั่วเป็นอาหารเช้าทุกวัน
ผมอยากใช้โทรศัพท์ทางไกลคุยกับผู้คนที่ผมรัก
แบบไม่ต้องมีกำหนดเวลา
ผมยังไม่ได้ร้องไห้เวลาดูหนังเศร้าเลย
หรือแม้แต่จะเดินกลางสายฝนในยามเช้า
ผมอยากได้สัมผัสของสายลมที่พลิ้วผ่านใบหน้าผม
และแน่นอน ผมอยากจะมีความรักอีกสักครั้ง......
ดังนั้น.........เมื่อผมเลือกที่จะสั่งของหวาน แทนที่จะเป็นอาหารจานหลัก
และเกิดผมตายไปก่อนที่ช่วงเย็นนี้ จะมาถึง
ผมก็จะตายอย่างผู้ชนะ
เพราะผมไม่ได้พลาดอะไรเลย
ผมได้เติมเต็มความปรารถนาของผมเรียบร้อยแล้ว
ผมได้กิน “ช๊อคโกแลต มูส” ถ้วยสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว
ก่อนที่ชีวิตผมจะหมดเวลาลง
หลังจากฟังจิมพูดเสร็จ ผมรีบเรียกพนักงานเสริฟมาอีกครั้งพร้อมพูดว่า
" ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมเอาไอศกรีมแบบที่คุณคนนี้สั่ง
แต่ขอเพิ่มวิปครีมด้วยนะ "
และทั้งหมดนี่คือของขวัญที่ผมมอบให้คุณทุกคน
เราต้องการ “ วันเพื่อนแห่งชาติ”
เพื่อส่งจดหมายนี้
หากคุณบังเอิญได้รับจดหมายแบบนี้จากเพื่อนซ้อน 2 ครั้ง
นั่นแปลว่า คุณมีเพื่อนมากกว่า 1 คน
จงใช้ชีวิตให้สุขสบาย รักคนให้มาก หัวเราะบ่อยๆ
และมีความสุขกับชีวิต
จำไว้ว่า ความสุขไม่ได้ขึ้นกับจำนวนทรัพย์สิน
อำนาจวาสนา หรือศักดิ์ศรี
แต่ขึ้นอยู่กับมิตรภาพและความสัมพันธ์
ระหว่างเรากับคนที่เราชอบและนับถือเขา
จำไว้ว่า " ขณะที่เงินกำลังพูด
แต่ไอศกรีมช๊อคโกแลตต์ กำลังร้องเพลง "
จงอยู่อย่างสบายใจ หัวเราะให้เต็มที่ และมีความรักตลอดเวลา (จนหมดหัวใจ )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น