บ้านป้าLily หลังนี้เปิดไว้เพื่อให้เป็นที่ที่เพื่อนๆมานั่งตั้งวงคุยกันด้วยเรื่องที่เราชอบ
โดยมีป้า Lily มานั่งเล่าเรื่องที่ดีมีประโยชน์ แถมสนุกสนานให้ฟังอีก
วันที่ท้องฟ้าสดใสในเวลาแดดร่มลมตกไม่มีอะไรดีไปกว่าการมานั่งที่ ชานเรือนของบ้านป้าLily อีกแล้ว


ยินดีต้อนรับทุกท่านจ๊ะ

วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2555

รักเก่า...ที่บ้านเกิด ( ตรุษจีน ปี 2555)

ฉันใช้ชีวิตในเมืองมานาน  Life Style ของคนเมืองดูจะเป็นความเคยชินสำหรับฉัน  เพียงแค่ขอให้มีชีวิตผ่านไปวันๆก็เพียงพอแล้ว  วันนี้ การกลับมาบ้านเกิด ดูจะเป็นความสุขใจเล็กๆ ที่มาช่วยชาร์ตแบตต์ให้กับชีวิตที่แห้งผากของฉันอย่างยิ่ง

ฉันชอบเช้าตรู่ของวันที่เราเดินกลับจากศาลเจ้า หลังการไหว้ตามประเพณีตรุษจีน ตลอดทางมีเสียงทักทายอย่างเอ็นดูจากเพื่อนบ้านรุ่นอาวุโส  หลายคนดีใจที่ได้พบฉันและครอบครัว  พวกเขาเหล่านั้น ยังจำภาพเด็กเล็กๆกลุ่มนี้ได้ดี

แต่วันนี้เด็กๆ กลายเป็นผู้ใหญ่ที่เขายังคงมีความรู้สึกดีที่ได้พบ   ความรู้สึกดีๆนี้ส่วนหนึ่ง เป็นผลพวงมาจากความดีของพ่อ แม่ และบรรพบุรุษที่ทิ้งเป็นมรดกไว้ให้เรานั่นเอง


บ้านเก่าของครอบครัว ในยามบ่าย แม้จะดูเหงาๆเพราะสมาชิกของบ้านส่วนใหญ่ ย้ายไปอยู่บ้านของตนเอง  ยามบ่าย กับแสงแดดอ่อนๆเช่นนี้ เป็นภาพที่เด็กๆยังคงคิดถึง และอยากกลับมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง

ประเพณีการไหว้เทศกาลตรุษจีน ของบ้านเราจะมี 3 วัน บ่ายวันแรกเป็นวันจ่าย ที่เราจะมารวมกันที่บ้านก๋ง และย่า เพื่อไหว้บรรพบุรุษ นับเป็นโอกาสที่ดีของการมาพบกันของสมาชิกทุกคนของครอบครัว

การจัดของไหว้  มีอาหารตามประเพณี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารจีน แบบไหหลำที่บรรพบุรุษของเราคุ้นเคย  นานๆนักจึงจะมีอาหารสมัยใหม่มาไหว้บ้าง  ที่เป็นเช่นนั้นก็เนื่องจากความชอบของลูกหลาน  เพราะรู้ว่า หลังการเซ่นไหว้เสร็จ  พวกเราจะรับประทานอาหารเหล่านั้นร่วมกันทุกครั้ง

กุ้งตัวโตๆเหล่านี้ ค่อนข้างแน่ใจว่า บรรพบุรุษของเราคงไม่เคยรับประทาน  เพราะช่วงที่ท่านเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่  ครอบครัวของเรายากจนมาก  ทุกคนในครอบครัวต้องทำงานหนัก เพื่อให้ลูกหลานได้สุขสบายในสมัยปัจจุบัน
กุ้งเหล่านี้ อาจเป็นการชดเชยความรู้สึกดีๆที่ลูกหลานอยากให้บรรพบุรุษได้ทานบ้าง แม้จะยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า การไหว้แบบนี้จะเป็นการส่งของที่นำมาไหว้ไปให้ท่านได้จริงหรือไม่ก็ตาม
แต่ที่แน่ๆคือ  ลูกหลานคนที่รอรับประทานชอบมากจ๊ะ 

อาหารที่ขาดไม่ได้ในวันตรุษจีนคือ ต้นกระเทียม เพราะถือว่าเป็นอาหารที่ให้คุณแก่ผู้รับประทาน อายุจะยืนยาว  แม้ฉันจะไม่ชอบกระเทียม แต่ก็ต้องกล้ำกลืนเข้าไป 1 คำก็ยังดี

ผัดวุ้นเส้นแบบไหหลำ ที่ฉันคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก  เป็นผัดวุ้นเส้นที่มีเครื่องเครามากมาย
และก็อร่อยเอามากๆทีเดียว

หน่อไม้จีน ต้มกับหมูสามชั้น เป็นเมนูเดิมๆที่ไม่เคยเปลี่ยนเลย 

ผัดผักรวม ทำไว้ให้บรรพบุรุษที่ชอบทานผัก
หากสังเกตให้ดี จานที่ใส่อาหารเหล่านี้ เป็นจานที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉันเลย 
60 ปีแล้วซิเรา

ปลาทอดกรอบ อาหารพื้นๆที่คนรุ่นเก่าชอบ แต่คนรุ่นใหม่ก็ชอบเช่นกัน 

แฮ่เกิ้น เป็นของทานที่เด็กรุ่นใหม่ชอบ ช่วงปีหลังๆนี้จึงบรรจุไว้ในเมนูทุกปี

ไก่ตอนสับชิ้นโตๆ หลังจากไหว้เสร็จ เราก็จะสับไก่มาทานกัน  
คนไหหลำจะสับไก่ชิ้นโต ต่างจากคนจีนอื่นที่สับไก่ชิ้นเล็กกว่า
วันแรกของการไหว้ ไก่จะอร่อยเป็นพิเศษ  
พอวันหลังๆเริ่มเบื่อ แม้แต่จะมองก็ยังคิดหนัก

น้ำจิ้มไก่แบบไหหลำ 

ผลไม้ 5 อย่างตามประเพณี 



วันที่ 2 เป็นวันไหว้ตามธรรมเนียม
ทุกคนจะไหว้ที่บ้านของตัวเอง บ้านใครบ้านมัน

วันนี้หลังจากไหว้เจ้าตามขั้นตอน และตามเวลาที่กำหนดแล้ว
กลางวันเราจะไหว้เตี่ย แม่ และบรรพบุรุษทุกคนอีกครั้ง
ด้วยอาหารที่พยายามไม่ให้ซ้ำกับเมื่อวันแรก


ไก่ที่เราใช้ไหว้ วันนี้จะต้องเป็นไก่ตอนตัวโตพิเศษ
เพราะทุกคนในบ้านต้องทานแต่ไก่ตอนเท่านั้น แม้แต่แม่ที่เป็นคนไทยแท้ 
แต่เมื่อแต่งงานกับคนไหหลำ ก็ชอบทานไก่ตอนไปด้วย 

ไก่ตัวนี้หนักประมาณ 5 กิโลกรัม

อาหารที่จะนำมาไหว้ ควรมีให้ครบทุกประเภท ทั้งหมู ไก่ และ ปลา 

เนื่องจากแม่เป็นคนไทย ทุกปีเราจึงต้องทำอาหารรสเผ็ดให้แม่ด้วย 
อาหารประจำของแม่คือ หมูผัดเครื่องแกง ใส่ใบมะกรูด

วันปีใหม่อย่างนี้ ต้องทานหมี่ซั่วยาวๆ เชื่อว่าอายุจะยืนยาว 

ปีนี้เลือกทำกระเพาะปลาแทนซุป

ความที่น้องสาวนำใบเหลียง มาจากชุมพร เลยทำเมนู " ใบเหลียงผัดไข่ ใส่วุ้นเส้น" 
ที่เด็กๆชอบกันมาก แต่ไม่แน่ใจว่าบรรพบุรุษจะชอบหรือไม่

จานนี้เป็นเมนูที่ฉันชอบและอยากทานเอง
กุ้งอบวุ้นเส้น ทำเอง กินเอง อ้วนเอง

ของหวานตามประเพณี ขนมเทียน ขนมเข่ง 

ขนมที่มีลักษณะฟูๆ ชีวิตลูกหลานจะได้เฟื่องฟู 
นอกจากขนมปุยฝ้ายแล้ว ยังแอบไหว้ด้วยขนมเค็กจากร้านวีรสุ ด้วย (ก็ลูกชอบอ่ะ)

ขาดไม่ได้ ขนมเปี๊ยะ
ขนมชนิดนี้มักไม่ค่อยได้ซื้อเอง เพราะเป็นขนมที่คนรู้จัก นับถือกันนำมาไหว้เตี่ย กับแม่
แม้ท่านจะจากไปนาน แต่ผู้คนยังนับถือท่าน จึงนำขนม ผลไม้ หรือไก่ มาไหว้ทุกปี

เมนู แป๊ะก็วยต้มน้ำตาล เป็นสีมงคล เชื่อว่าจะมีทองเต็มบ้านนะ 
แต่ที่รู้ๆอร่อย และช่วยบำรุงสมองดีจัง



ที่ขาดไม่ได้ ผลไม้ 5 ชนิด 

ความที่ยาย และ แม่ เป็นคนไทย เราจึงต้องติดหมากคำ มาไหว้ด้วย
ไม่กล้าลืม เดี๋ยวท่านดุเอา 

และเครื่องเซ่นไหว้ตามธรรมเนียม โดยจะเผาหลังจากไหว้เสร็จ 


วันที่ 3 เป็นวันขึ้นปีใหม่ 

พวกเราจะตื่นแต่เช้า ใส่เสื้อใหม่ (สีแดงเป็นสีแห่งโชคลาภ) 
จากนั้นก็เดินทางไปไหว้ศาลเจ้าประจำตระกูล เพื่อขอพรในวันแรกของปี
หลังจากไหว้เสร็จ ก็จะจุดประทับถวาย เป็นการเฉลิมฉลอง 
หากใครเคยขออะไรจากท่านไว้ ก็จะถือโอกาสจุดประทัดแก้บน กันในวันนี้

เราเริ่มจากการก่อกองไฟเพื่อใช้ในการจุดประทัด
หากเป็นการจุดประทัดทั่วไป คงไม่ต้องก่อกองไฟแบบนี้ 
แต่เรามีประทัดที่ต้องจุดมาก และต้องจุดให้เสียงประทัดต่อเนื่องกัน
วิธีที่จะทำเช่นนั้นได้  ก็ต้องใช้กองไฟเช่นนี้เท่านั้น

การจุด เราใช้ประทัดที่ต่อยาวตั้งแต่ 2000 นัดขึ้นไป แขวนไว้บนปลายไม้ยาว 5 ถึง 6 เมตร 
มีคนถือไม้นี้ทั้งหมดมี 5 คน  ซึ่งล้วนเป็นลูกหลานชายของครอบครัวเท่านั้น 
ผู้ที่เป็นคนจุดจะยืนอยู่ที่ริมกองไฟ  คอยใส่ปลายสายประทัดลงไปในไฟให้ชนวนติดไฟ
จากนั้นก็ปล่อยให้ประทัดระเบิดจนเกือบหมดสาย จึงจะเริ่มสายใหม่ ต่อไป

การคำนวนเวลาที่ประทัดแต่ละสายระเบิด นับเป็นเรื่องสำคัญ 
เพราะก่อนสายแรกจะหมดเสียง สายต่อไปต้องเริ่มระเบิดทันที

เราเริ่มจุดประทัดตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง จนพระอาทิตย์โผล่จากขอบฟ้า 









รวมแล้ว วันนั้นเราจุดประทัดมากกว่า 30000 นัด 
ใช้เวลา 45 นาทีจึงจะสิ้นเสียงประทัด


เมื่อสิ้นสุดการจุดประทัด ก็เป็นอันว่า กิจกรรมตรุษจีนของครอบครัวเราเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว 
พร้อมกับซองแต๊ะเอียสีแดงในกระเป๋าของทุกคน 

แม้จะใช้เวลาหลายวัน และหลายขั้นตอน 
แต่เราก็มีความสุขที่ได้ทำทุกอย่างสืบต่อจากบรรพบุรุษ
และทั้งหมดที่ทำ ก็เพื่อแสดงความกตัญญูต่อท่านเหล่านั้น ด้วยความสุขใจ 



วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555

จก โต๊ะเดียว

ที่จริงวันนี้ยังคงเป็นหวัดต้อนรับปีใหม่อยู่เลย  แต่นอนจนเบื่อและปวดหลังไปหมดแล้ว ขออนุญาตลุกขึ้นมาเล่าเรื่องอาหารอร่อยๆที่เคยรับประทานมาดีกว่า  ยิ่งขณะนี้ใกล้ตรุษจีนแล้ว  บางท่านอาจจะปิ้งไอเดีย นำอาหารไปทำไหว้บรรพบุรุษกันบ้าง

ร้านที่ไปทาน ชื่อร้าน "จก โต๊ะเดียว" ชื่อนี้ไม่ได้เป็นชื่อที่เขาจดทะเบียนการค้า แต่เป็นชื่อที่ลูกค้าเรียกกัน เพราะดั้งเดิมแล้ว นายจก เจ้าของร้าน เขาจะทำอาหารขายแค่วันละโต๊ะเท่านั้น กว่าลูกค้าที่ได้ยินกิตติศัพท์จะได้มีโอกาสรับประทานก็ปาเข้าไปหลายเดือน เนื่องจากคิวรอยาวเหลือเกิน  

แต่ปัจจุบัน ทางร้านเพิ่มโต๊ะขึ้นมาเป็น 3 -4 โต๊ะ แล้วแต่จำนวนลูกค้าที่จองมา แต่ไม่เกิน 4 โต๊ะ  อาหารจะเปิดบริการ 2มื้อคือ มื้อเที่ยง และมื้อค่ำ

วิธีการเดินทาง

  เนื่องจากร้านนี้อยู่ในตลาดสด ในตรอกอิสรานุภาพ  ติดกับวัดเล่ง เนื่ย ยี่  แถวเยาวราช  
วิธีที่จะเข้าไปถึงร้านโดยสะดวกคือ ควรจะมาโดยแท็กซี่  จอดรถที่หน้า สน.พลับพลาไชย  มองไปตรงข้าม สน.ฯ จะพบวัดคณิกาผล  มองเอียงไปด้านซ้ายมือของกำแพงวัด  จะพบกับตรอกอิสรานุภาพ  ที่มีป้ายชื่อซอยตั้งอยู่ท่ามกลางมวลหมู่ร้านค้าตลาดสด 


แต่อยากจะบอกว่า ที่หน้าปากซอยนี้มีของอร่อยขายหลายอย่าง  เพราะฉนั้นอย่าเพิ่งรีบเข้าร้านไปซะก่อนนะ  ร้านที่ชอบมากคือร้านตือฮวน ที่ของเค๊าอร่อยสุด โดยเฉพาะข้าวเหนียวยัดไส้ ที่ทานแกล้มตือฮวน ร้านนี้ต่างจากร้านอื่นตรงที่ใช้เมล็ดแป๊ะก๊วยผสมกับข้าวเหนียว แทนถั่วลิสง ข้าวเหนียวจะผสมน้ำซุบนำมานึ่ง ทานกับซีอิ๊วหวาน เริ่ดค่ะ  หากชอบทานต้องรีบซื้อก่อนนะคะ เพราะหากรอให้ทานอาหารเสร็จแล้ว ร้านนี้จะหายไปอย่างไร้ร่องรอยเพราะขายดีมาก

เดินลุยร้านค้าเข้าไปประมาณ 30 เมตร  ด้านซ้ายมือจะพบกับห้องแถวเล็กๆ ผนังกระจก และที่ผนังกระจกนั้น โปรดสังเกตชื่อร้านซึ่งเป็นสติ๊กเกอร์ขนาดไม่เกิน 5 นิ้วแปะอยู่ ให้ดี นั่นแหละถึงแล้วค่ะ


เมื่อเข้ามาในห้องกระจกซึ่งเป็นห้องเล็กๆ  ตั้งโต๊ะได้ 2 โต๊ะก็เต็มพอดี  วันนั้นเราไปกัน 20 คน จึงสามารถยึดห้องนี้เป็นของเราได้ 


หลังจากจองมาพักใหญ่  วันนี้เราก็ได้ลิ้มรสอาหารที่ร่ำลือว่า
อร่อยนักอร่อยหนา กันเสียที

จานแรกเป็นแป๊ะก๊วยคั่วเกลือ อร่อยมาก หวานๆเค็มๆ กำลังดี

จานที่สอง เกี๊ยวกุ้งนึ่ง  กุ้งเป็นกุ้ง สุดยอด...

เป็ดรมควัน ทำได้หอมจริงๆ ยอมรับว่าฝีมือ

จานนี้ต้องยกให้เป็นสุดยอดอีกจานหนึ่ง คือ ปลาหิมะเจี๋ยนน้ำแดง  ที่ปลามีขนาดใหญ่มาก ทอดกรอบนอกนุ่มใน ราดด้วยซีอิ้วปรุงรส ถูกใจคนรักปลายิ่งนัก
จานนี้ดูจุ๋มจิ๋ม แต่รสชาติดี นี่คือทอดมันกุ้ง 
( จานไม่ได้ประดับผักมาเลย สงสัยพ่อครัวทำไม่ทัน)

พระเอกของงานมาแล้ว  นี่คือปูทะเลนึ่ง 
ปูสดหวานเนื้อเด้งอร่อยถูกใจทุกคน

กุ้งแม่น้ำผัดซ๊อสเอ๊กซ์โอ ของโปรดคุณนายLily 

เป๋าฮื้อแผ่นน้ำแดง หมดภายในพริบตา ( มากินวันนี้ห้ามกระพริบตา)
แม้จะบ่นว่าอิ่มๆๆๆ  แต่พอข้าวผัดปลาเค็ม หมูรมควันมา
ก็แทบไม่ทันรอน้ำซุป ก็หมดจานซะแล้ว

และ ก็เป็นอย่างที่บอกคือ  ซุปปลาเก๋ากับบ้วย มาไม่ทันข้าว  
เราจึงต้องทานซุปตามหลังกันทุกคน  ต้องยกย่องซุปจานนี้ว่าสุดยอด ตรงที่ปลาไม่คาวเลย และเนื้อปลาเก๋าก็สดเหนียว 
จนแทบไม่คิดว่าเป็นเนื้อปลา อร่อยจริงๆ

ของหวานตามประเพณี เผือกหิมะ ที่ไม่มีหิมะ 
และก็หมดในพริบตาเช่นกัน
แต่ไม่ว่าอาหารจะมาในรูปแบบไหน สวยงามหรือไม่ 
ล้วนจบด้วยสภาพเยี่ยงนี้

โปรดสังเกตุมือ เป็นที่แน่ชัดว่า ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกันเลย  
ขนาดผักชีโรยหน้ามา ก็ยังไม่ละเว้น 
ไม่ยอมปล่อยให้ติดจานกลับไปเลย


หลัง จากสงครามสงบ " คุณจก"  เจ้าของร้านก็เดินเหงื่อโทรมกาย 
( แต่ก็ยังคงความหล่อไว้) ออกมาทักทายพวกเรา  พร้อมกับออกปากบ่นว่า   
" วันนี้เหนื่อยมาก เพราะทำอาหารไม่ทัน  ตั้งแต่เปิดร้านมา ก็เพิ่งมีกรุ๊ปนี้นี่แหละ  ที่กินเร็วเหลือเกิน  กรุ๊ปอื่นเขากินไปคุยไป แต่กรุ๊ปนี้กินกับเงียบสนิท เรียกว่า " มาเร็ว เคลมเร็วครับ "
จากนั้นเราก็ถ่ายรูปเป็นที่ระทึก ว่าได้มากินที่นี่แล้ว มีพี่บางท่านบอกว่า  " จองต่อเลยน้อง "  โห...ของเก่ายังไม่ย่อยเลย  พี่จ๋า  "

สุดท้าย ใบประกาสิตของคุณจก  
เห็นใบนี้แล้ว  " คุณจก " หายเหงื่อแตก 
 แต่คนกินเหงื่อท่วมตัวแทน ฮ่า ฮ่า ...

ชื่อร้าน " จก โต๊ะเดียว"  อยู่ในตลาดสด ตรอกอิศรานุภาพ  โทรจองวันก่อนจ๊ะ
   
JOK
โต๊ะเดียว
       
ประเภท อาหารจีนซีฟู้ด
       
ที่อยู่ 23 ตรอกอิศรานุภาพ พลับพลาไชย กทม.
       
โทร. 02-221-4075,081-9199468