บ้านป้าLily หลังนี้เปิดไว้เพื่อให้เป็นที่ที่เพื่อนๆมานั่งตั้งวงคุยกันด้วยเรื่องที่เราชอบ
โดยมีป้า Lily มานั่งเล่าเรื่องที่ดีมีประโยชน์ แถมสนุกสนานให้ฟังอีก
วันที่ท้องฟ้าสดใสในเวลาแดดร่มลมตกไม่มีอะไรดีไปกว่าการมานั่งที่ ชานเรือนของบ้านป้าLily อีกแล้ว


ยินดีต้อนรับทุกท่านจ๊ะ

วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2554

อาหารไหหลำ

อาหารไหหลำ

เมื่อต้นเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเดินทางไปไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับ
ที่เกาะไหหลำ ประเทศจีน

และที่มีความสุขที่สุดคือ ได้รับประทานอาหารไหหลำที่ชื่นชอบสมปราถนา
โดยเฉพาะไก่พันธุ์บุ้นเซียว

ซึ่งเป็นไก่ที่อร่อยมาก เพราะมีเนื้อนุ่มกรอบหวานอร่อย จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว
ไม่ว่าใครๆก็ต้องเดินทางมาชิมให้ได้ มื้อนี้เราสั่งมา 2 ตัว
ทำให้คุณอา ที่ไหหลำตกใจว่าจะกินหมดหรือ แต่ปรากฏว่า ไม่เหลือค่ะ



เนื่องจากไหหลำเป็นเกาะ จึงมีอาหารทะเลมากมายหลายหลากชนิด เราสั่งกุ้งต้มมาทานกัน
แม้กุ้งจะตัวเล็ก แต่ทุกคนก็ชื่นชอบกันมาก เพราะกุ้งกรอบหวานอร่อย จนยั้งมือกันไม่หยุด

ดิฉันเป็นคนชอบทานวุ้นเส้น จึงสั่งวุ้นเส้นอบหม้อดิน ที่มีเครื่องเคราแบบไหหลำแท้
คือ วุ้นเส้น ดอกไม้จีน เห็ดหูหนู และฟองเต้าหู้
เวลาบ้านเราที่เมืองไทย ผัดวุ้นเส้น เราก็จะใช้เครื่องปรุงแบบนี้
จนเป็นที่รู้กันว่า เป็นผัดวุ้นเส้นแบบไหหลำ จานนี้ดิฉันทานจนหมดเพราะชอบมาก

จานนี้เป็นสุดยอดอาหารไหหลำ ที่ดิฉันต้องทานให้ได้ นั่นคือก้านเผือกผัดกะปิ
น่าแปลกที่ทุกคนรู้ว่าดิฉันไม่ชอบทานกะปิ แต่พอมาไหหลำกลับสั่งจานนี้มาทาน
และชอบมากจนพร่ำเพ้อถึงจนทุกวันนี้ ซ้ำยังคิดจะบินกลับไปเรียนทำอาหารไหหลำ
เพราะอาหารจานนี้อีกด้วย ที่ต้องเรียนวิธีทำก็เพราะ
ก้านเผือกเป็นเครื่องปรุงที่ทำยาก หากทำไม่เป็นก็จะคันมือ
โปรดติดตามฝีมือของดิฉันต่อไปด้วยค่ะ

ปูผัดต้นหอม หน้าตาคุ้นมากๆ เนื่องจากคนไหหลำกับคนไทยมีความใกล้ชิดกันมาก
คนไหหลำเดินทางอพยพมาเมืองไทยมากมาย อาหารจึงคล้ายกันเป็นอย่างยิ่ง

ปลานึ่งซีอิ้ว ที่น้ำราดปลามีรสดีมากจนถูกซดซะหมดจาน

ปิดท้ายอาหารไหหลำด้วยไข่เจียวกุ๊ยช่าย แปลกแค่อร่อยเอามากๆเลย


นอกจากอาหารไหหลำแล้ว เรายังไปลองทานอาหารเสฉวน
ในเมืองไฮเค๊า อีกด้วย

อาหารเสฉวน เป็นอาหารจีนรสเผ็ด ดังนั้นอาหารที่เราสั่งมา
จึงมีพริกแห้งใส่เป็นเครื่องปรุงทุกจาน
หม้อนึ้เป็นกุ้ง กับวุ้นเส้น

เนื้อปลาอบหม้อดิน มีผักกาดขาวและพริกรสเผ็ด อยู่ในเครื่องปรุงด้วย

เต้าหู้ทอดผัด รสเปรี้ยวหวาน และขาดไม่ได้คือรสเผ็ด

เต้าหู้ผัดพริกเผาแบบเสฉวน ที่มีชื่อเสียง เป็นจานโปรดของดิฉัน

ไก่อบหม้อดิน ใส่ฟองเต้าหู้ และเห็ดหูหนู

จานนี้แปลกและอร่อยมาก เป็นมะเขือยาวปอกเปลือกผัด
จานนี้ไม่มีพริกแต่ก็ยังรสจัดตามระเบียบ
จะเห็นว่าอาหารเสฉวนหน้าตาเหมือนๆกันทุกจาน
และเอกลักณา์คือต้องมีรสเผ็ดอยู่เสมอ



ก่อนกลับเมืองไทย เราแวะฮ่องกง จึงมีอาหารอร่อยๆที่ฮ่องกงมาฝากด้วย

เริ่มที่อาหารเช้า เป็นโจ๊ก ร้านนี้ชื่อ เฉี่ยวฟะ
มีภาษาไทยติดไว้หน้าร้านให้อุ่นใจด้วย

ภายในร้านแคบๆมีรูปโจ๊กโชว์ไว้เป็นตัวอย่างด้วย

ที่น่าดีใจคือ ในเมนูมีภาษาไทยให้เราอ่าน บางรายการแสดงราคาเป็นเงินบาท
โจ๊กที่แพงที่สุดคือโจ๊กเป๋าฮื้อ ประมาณ 120 HKD.

คนรับออร์เดอร์หล่อมาก แต่งตัวเท่ย์ซะ
เลยไม่แน่ใจว่าตื่นมาทำงานแต่เช้า หรือเพิ่งเที่ยวเสร็จกลับมา

โจ๊กของเรามาแล้ว เป็นโจ๊กหมูใส่ไข่เยี่ยวม้า อร่อยมาก

ทุกชามจะมีเฉาก๊วย หรือปาท่องโก๋เป็นของแนมมาด้วย เวลาทานด้วยกันแล้ว อร่อยอย่างประหลาด



หลังจากเดินช๊อปปิ้งจนเหนื่อย เราก็แวะเข้า Food Republic
ซึ่งเป็นศูนย์อาหารแห่งหนึ่งที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์มาก

อาหารของดิฉันเป็นบะหมี่ผัดพริกไทยดำแบบหมาเก๊า

นอกจากหมี่ผัดแล้ว ยังมีเกี๊ยวทอดแนมมาให้อีกด้วย เป็นเกี๊ยวทอดที่อร่อยเอามากๆเลย

น้องสาวอยากลองอาหารเกาหลี จึงสั่งบะหมี่กิมจิมา
ปรากฏว่าไม่ค่อยถูกใจนัก คงไม่คุ้นกับอาหารรสเปรี้ยว

อีกคนอยากทานข้าว เลยสั่งข้าวผัดทะเลมา หน้าตาแบบไทยๆ

นี่เป็นเซี่ยวหลงเปา ซึ่งอยู่ในชุดอาหารเซี่ยงไฮ้

บะหมี่เซี่งไฮ้ ที่ต้องรอนานกว่าจะได้เพราะเชฟจะแสดงวิธี
ตีแป้งให้เป็นเส้นโชว์ก่อนจึงจะนำมาปรุงอาหารให้เรา

นี่คือทั้งชุดของเขาจะมีไก่แช่เหล้า และซุปข้นให้มาด้วย ชุดใหญ่จริงๆ และก็คุ้มกับการรอ
ท่านใดไปฮ่องกง อย่าลืมแวะไปทานอาหารที่ Food Republic นะคะ
อาหารหลากหลายจริงๆ

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

L'Elephant Restaurant Francais- Luangprabang

ช่วงไปเที่ยวเมืองหลวงพระบาง ค่อนข้างมีปัญหากับอาหารเล็กน้อย เพื่อนๆต่างบ่นว่า ป้าLily
เป็นคนเรื่องมาก กินยาก จริงๆแล้วเป็นคนกินง่าย แต่ค่อนข้างเลือกและตามใจตัวเองมากกว่า
หากไม่สบอารมณ์จะกินอะไร ก็จะไม่กินให้เสียอารมณ์
อาหารลาวที่จริงเป็นอาหารที่หลายคนชอบ แต่ความที่เขารสจัดเกินไปสำหรับเรา
ป้าLily จึงขอเลือกที่จะทานแต่เพียงพอประมาณเท่านั้น
หากไม่มีอะไรทานจริงๆก็ต้องวิ่งหาร้าน เฝอ เวียตนามมาแก้ขัด

โชคดีที่เมืองหลวงพระบาง มีร้านอาหารฝรั่งเศสดีๆหลายร้าน จึงรอดตายมาได้ ที่ต้องยกย่องให้เป็นผู้ช่วยชีวิตคือร้าน เล ลิฟ๊อง ( L'Elephant ) และร้านกาแฟที่ชื่อ Joma

ร้าน เลลิฟ๊อง เป็นร้านค่อนข้างใหญ่ แต่งแบบบ้านโบราณ การบริการเรียบร้อยดีมาก พนักงานพูดฝรั่งเศส และรู้จักอาหารฝรั่งเศสดี สามารถอธิบายได้อย่างละเอียด

ร้านนี้ดังมากในกลุ่มไฮโซเมืองไทย ป้าLily ไปนั่งทานอยู่สองวัน เจอไฮโซไทยทั้งสองวัน
มาแบบหรูหรามาก ส่งเสียงดังแบบร้านกาแฟ โลว์โซ อย่างเราเลยต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัว

ภายในร้านมีโต๊ะไว้บริการมากก็จริง แต่มักเต็มทุกวัน ส่วนใหญ่ลูกค้าต้องจองโต๊ะก่อน
แต่เราโชคดีที่มาเร็วเลยได้นั่งแอบๆแถวข้างๆร้าน

ภายในร้านแต่งงามสง่า ไม่รกรุงรังมาก ให้แสงไฟอบอุ่นเจริญอาหารดี

โคมไฟที่โต๊ะใช้แบบโต๊ะทำงานอ๊อฟฟิส ดูขลังดี

มุมโต๊ะแต่งตัวหน้าห้องน้ำ จัดแสงสีได้สวยงาม
สีชมพูแก่ของพนังสะท้อนออกมาอบอุ่นแบบเท่ย์ๆ

พอเปิดไฟสว่างก็สวยแบบนี้

เมนูทำเรียบๆแต่แข็งแรง

ก่อนสั่งอาหาร พนักงานจะนำออร์เดริฟ มาเสริฟก่อน
เป็นแป้งพายไส้ไก่ผสมเครื่องเทศ โรยด้วยชีส
อบมาร้อนๆ ขนาดเท่าขนมครก อร่อยมาก ทานกับไวน์ดีเป็นพิเศษ

วันนี้เพื่อนสั่งเมฯูประจำวัน ชื่อ Joue de Poisson du Me'Kong a la Bourguignonne ,
Servie avec des Tagliatelles et des Legumes au Beurre
เขียนภาษาฝรั่งเศสซะยาว แปลเป็นไทยคือ
แก้มปลาจากแม่น้ำโขง (ไม่ทราบว่าเป็นปลายี่ห้ออะไร
และเหตุใดจึงมีแก้มปลาเหล่านี้มากมายนัก)
ทำเป็นสตู ราดด้วยซ๊อสเบอร์กันดี และเบคอนชิ้นหนาๆ
เสริฟมากับเส้นฟาสต้าคลุกเนย และผักต้ม
(กว่าจะเขียนชื่ออาหารเสร็จก็เหนื่อยแล้ว)
จานนี้อร่อยมากสุด เนื้อแก้มปลาไม่เละ แข็งกำลังดี ที่อร่อยมากคือ
เบคอนที่หั่นชิ้นหนาๆผัดมาในน้ำซ๊อสเหล้าเบอร์กันดี
หอมกลิ่นเบคอนรมควัน และกลั่นเบอร์กันดี เริ่ดค่ะ

เครื่องเคียงอีกอย่างคือสลัดผัก ซึ่งป้าLily ยึดครองเป็นของตัวเองก่อน

เพื่อนอีกคนสั่ง Raviolis Cream เป็นเกี้ยวอิตาเลี่ยน ไส้เนื้อเสริฟมาในครีมซ๊อส จานนี้ตอนแรกไม่กล้าชิมกลัวไขมันพอก แต่พอชิมไปหนึ่งตัวอร่อยมากจนต้องขออีกตัว

จานนี้ของอิฉันเองเจ้าค่ะ ความที่ทานเค็กไปตอนบ่ายหลายชิ้น เลยสำนึกบาป ไม่กล้าทานอะไรที่อ้วนมาก อีกทั้งอยากจะระลึกชาติได้ แบบในหนังการ์ตูนเรื่อง Ratatoulle
จึงสั่งอาหารชื่อนี้มาทาน ซึ่งรสชาติดี
( แต่คิดว่าเราทำอร่อยกว่านิดหน่อยนะ โม้น่ะ)

ใต้ผักกาดที่ตกแต่งมา จะเป็นเห็ดนางฟ้าจี่ในน้ำมันวางโปะมาให้มีเนื้อมีหนังมากขึ้น

ชีสที่นำมาเพิ่มให้พิเศษเพื่อโรยอาหารสารพัด ชอบที่เขาใช้ใบตองตกแต่งจานมาน่าเอ็นดู

ขนมปังที่เสริฟมาตั้งแต่เริ่มสั่งอาหาร ซึ่งอร่อยมาก แต่น่าแปลกที่ ขนมปังฝรั่งเศสเวลาทานที่ร้านมักจะอร่อย ถึงอร่อยมาก แต่ทุกครั้งที่ซื้อกลับบ้าน จะแข็งและเหนียวจนฟันแทบหัก
แม้จะอบใหม่จนดีแล้วก็ไม่วายเคี้ยวไม่ออก

มาถึงขนม หากมาร้านฝรั่งเศสแล้วไม่สั่ง ครีมบรูเล ก็ดูจะผิดประเพณีไปนะ
ขนมของเราจึงเป็นครีมบรูเลที่มีกล้วยอบวางแต่งหน้ามาสองชิ้น
อร่อยตามแบบฉบับฝรั่งเศสเหมือนเดิม


ที่ขาดไม่ได้สำหรับอิฉันคือ Tiramisu ขนมสัญชาติ อิเทเลี่ยน
ที่มีทองม้วนไทยแถมมาข้างๆสองอัน ไม่แน่ใจว่าให้มาเพิ่ออะไร
ดูๆแล้วไม่ค่อยเข้ากันเท่าใดนัก
แต่ก็ดี เหมือนมีขนมมาสามอย่าง ไม่ต้องสั่งเพิ่ม

มื้อนี้จ่ายไปเป็นแสน (กีบ) เป็นเงินไทย เท่าไรไม่ได้คิด

เพราะไม่ชอบตัวเลข คิดทีไรปวดสมองทุกทีเลย
วันนี้อิ่มและอร่อยมาก คงต้องฝากชีวิตช่วงที่อยู่หลวงพระบางไว้กับร้านนี้ทุกวันแล้วจ๊ะ