บ้านป้าLily หลังนี้เปิดไว้เพื่อให้เป็นที่ที่เพื่อนๆมานั่งตั้งวงคุยกันด้วยเรื่องที่เราชอบ
โดยมีป้า Lily มานั่งเล่าเรื่องที่ดีมีประโยชน์ แถมสนุกสนานให้ฟังอีก
วันที่ท้องฟ้าสดใสในเวลาแดดร่มลมตกไม่มีอะไรดีไปกว่าการมานั่งที่ ชานเรือนของบ้านป้าLily อีกแล้ว


ยินดีต้อนรับทุกท่านจ๊ะ

วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ขนมจีนกุ้งย่าง



       ปีนี้งง...กับอากาศประเทศไทยมาก ถ้าจำไม่ผิด..ช่วงนี้ของทุกปีฝนน่าจะกระหน่ำลงมานานแล้ว    แต่อากาศยังร้อนได้ร้อนดี  อากาศอย่างนี้ทำให้ผู้คนไม่ค่อยรู้สึกเจริญอาหารกันไปทั่ว วันๆอยากดื่มแต่น้ำเย็นอย่างเดียว ยิ่งของประเภทที่เข้ากะทิแล้ว เห็นควรจะลาพักชั่วคราว เพราะเป็นของเสียง่าย ทานไปมากๆทำให้ไม่สบายท้องอีกต่างหาก
      วันนี้เดินไปตลาดอย่างไร้จุดประสงค์ เพราะความร้อนทำให้สมองตื้นตัน คิดไม่ออกว่าจะทำอะไรเป็นอาหารมื้อกลางวันดี  ส่วนใหญ่ชอบที่จะอาศัยไปเห็นพืชผักและของขายในตลาดแล้วค่อยคิดเมนูกันสดๆเดี๋ยวนั้นเลย 
 รอบๆตลาดมักมีชาวบ้านนำผักสวนครัวที่ปลูกเองใส่กระจาดมาวางขายอยู่ข้างทาง จำพวก กระเพา โหรพา มะเขือ ฟักทอง ฯลฯ เวลาไปจ่ายตลาด จึงชอบซื้อจากชาวบ้านพวกนี้ เพราะได้ของสดจริงๆ แถมราคาถูกจนน่าสงสาร ทุกครั้งที่ซื้อ นอกจากจะไม่ต่อราคาแล้ว หลังจ่ายเงินยังต้องขอร้องว่าไม่ต้องทอนอีกด้วย  บางครั้งก็ช่วยซื้อผักทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเอาไปทำอาหารอะไรดี  เพราะไม่อยากให้ชาวบ้านที่อายุมากๆต้องมานั่งหลังแข็งขายอยู่ทั้งวัน
      วันนี้ นอกจากจะมีผักสวนครัวมาวางขายแล้ว ยังมีคุณตาสองสามคน นำปลาดุก ปลาช่อน ปลาตะเพียน กุ้งฝอย และหอยตาวัว ใส่กะละมังมาขาย  เห็นแล้วนึกถึงตอนเป็นเด็ก ที่แม่ส่งไปอยู่กับยายที่บ้านริมแม่น้ำเพชรบุรี   ชีวิตช่วงนั้นแม้จะคิดถึงพี่น้องมาก  แต่เมื่อมาถึงวันนี้ จึงรู้ว่าช่วงหนึ่งที่มาอยู่กับยายนั้น ได้สร้างประสบการณ์ให้กับชีวิตเด็กของเราเป็นอย่างยิ่งและยังเป็นประสบการณ์ที่มีค่าต่อฉันในวัยของวันนี้อีกด้วย
      เพราะการที่ได้อยู่กับยายนั้น  เป็นวิธีที่ได้เรียนรู้ที่จะดำรงชีวิตอยู่กับธรรมชาติรอบตัวอย่างมีความสุขนั่นเอง   แต่ละวันที่ผ่านไป ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้าความรู้สึกนี้ได้แอบฝังตัวอยู่ในสมองและหัวใจมาหลายสิบปี แม้ช่วงที่เราเติบโตและจากบ้านเกิดไปผจญภัยในต่างบ้านต่างเมือง ความยุ่งเหยิงของวิถีชีวิตของคนกรุงทำให้ลืมความสุขที่บริสุทธิ์นี้ไปชั่วขณะ  จนเมื่อได้ไปเห็นสถานที่ที่เงียบสงบอย่างธรรมชาติที่ไหนสักแห่ง เจ้าความสุขวัยเด็กที่นอนสงบอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจก็ลอยตัวขึ้นมา ทำให้ต้องโหยหาที่จะกลับไปสู่วันนั้นอีก สักครั้ง
      วันนี้ หากตากับยาย ยังมีชีวิตอยู่  ฉันคงกำลังนอนอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน ฟังยายเล่าเรื่องการผจญภัยของตา ครั้งเมื่อไปสำรวจต้นกำเนิดแม่น้ำเพชรบุรี  ยายจะเล่าเหมือนเป็นนิทานก่อนนอนให้ฉันฟังทุกวัน ยังจำวันที่หลับสบายเพราะมีสายลมจากแม่น้ำพัดผ่านได้ดี   นิทานของยายยังคงอยู่ในสมองมาจนทุกวันนี้ เพราะรู้ว่านั่นมิใช่นิทาน แต่เป็นเรื่องจริงของชีวิตตา


 กลางวันของเด็กบ้านนอกในวันเก่าๆ  คงไม่มีอะไรสนุกเท่ากับการลงไปวิ่งเล่นบนชายหาดอันกว้างใหญ่ของแม่น้ำเพชรฯ   ในช่วงฤดูแล้ง คนที่มีบ้านอยู่ริมแม่น้ำ มักจะปล่อยลูกๆหลานๆให้ลงไปเล่นน้ำได้ เพราะแม่น้ำหน้าแล้งไม่มีอันตราย และยังเป็นสนามเด็กเล่นที่กว้างใหญ่อีกด้วย เมื่อวิ่งเล่นไล่จับกันจนเหนื่อย สิ่งที่ดีที่สุดคือการกระโจนลงไปนอนในบ่อทรายที่เราขุดไว้ในแม่น้ำ
      แม่น้ำเพชรฯในหน้าแล้ง น้ำจะตื้นจนเราสามารถนอนราบไปบนผืนทรายและปล่อยให้น้ำใสไหลผ่านตัวไป บางครั้งเราก็ปล่อยตัวให้ลอยไปกับสายน้ำเอื่อยๆเพื่อไปเกยอยู่ข้างเกาะกลาง แม่น้ำ ที่ข้างเกาะนี้จะมีขอนไม้ ที่เป็นต้นไม้ใหญ่ฝังตัวขวางแม่น้ำอยู่มาช้านาน ขอนไม้นี้แข็งแรงมากจนสามารถทนแรงน้ำในฤดูน้ำหลากมาหลายปี ในช่วงหน้าแล้ง ขอนไม้นี้จึงเป็นที่ที่พวกเด็กผู้ชายมากระโดดน้ำเล่นกัน
      ในช่วงที่ไม่มีเด็กมาเล่นน้ำมาก ที่ขอนไม้แห่งนี้ผู้ใหญ่จะมานั่งตกปลาหรือตกกุ้งแม่น้ำ ซึ่งมีชุกชุมมาก  ส่วนเด็กๆอย่างเราก็ได้แต่หากระชอนไม้ไผ่อันใหญ่หน่อย คอยช้อนกุ้งฝอย หรือไม่ก็ใช้ชามข้าวเล็กๆครูดทรายในแม่น้ำเพื่อหา หอยตาวัวไปให้ยายกับตา ทำ ข้าวต้มหอยตาวัวให้กิน แม้จะผ่านมากว่าห้าสิบปี แต่ก็ยังจำรสอร่อยของข้าวต้มถ้วยนั้นได้จนทุกวันนี้
      สำหรับยายแล้ว อาหารที่ขึ้นชื่อของยาย คือ ขนมจีนกุ้งย่างเหตุ ที่ยายทำอาหารชนิดนี้บ่อยๆ เพราะน้าชายของฉัน ซึ่งขณะนั้นเพิ่งจะเป็นหนุ่ม มักตกกุ้งแม่น้ำกลับมาบ้านบ่อยๆ  ยายจึงทำขนมจีนกุ้งย่างให้ทุกคนได้กินกันถ้วนหน้า   มาถึงวันนี้อย่าว่าแต่ กุ้งหลวงในแม่น้ำที่แทบไม่มีใครเห็นแม้แต้หนวดแล้ว  แม้แต่กุ้งฝอยก็หาได้ยากยิ่ง
      เช้านี้ ...ยืนมองลุงคนขายปลาอยู่พักใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ซื้อปลาของลุงเลย เพราะ ลุงขายทั้งปลาและกุ้งฝอยด้วยราคาถูกๆไปหมดแล้ว  คิดถึงขนมจีนของยายขึ้นมาจับใจ  วันนี้เป็นตายร้ายดีอย่างไร  ก็ต้องทำขนมจีนกุ้งย่าง กินให้สมกับความคิดถึงยายให้ได้  แต่ เมื่อไม่มีกุ้งหลวง  คิดว่ากุ้งทะเลก็คงจะพอใช้แทนกันได้ 



รีบเดินเข้าตลาดได้ กุ้งแชบ้วยตัวโต มาหนึ่งกิโล จากนั้นก็ซื้อเครื่องปรุงอื่น คือ ขิงอ่อน พริกชี้ฟ้า เห็นพริกหนุ่มสดๆน่ากินดีจึงซื้อมาเพิ่มด้วย มะเขือเทศลูกใหญ่สัก สองสามใบ หอมแดง ในครัวหมดพอดี เลยซื้อไปหนึ่งกระจุก ส่วน พริกขี้หนู กับมะนาว ไม่ต้องซื้อ เพราะที่บ้านมีติดไว้ประจำ  ก่อนจะออกจากตลาด ไม่ลืมแวะไปขอปัน ขนมจีน จาก พ่อค้าขนมจีนทอดมันมาสิบบาท พ่อค้าก็ใจดี แถมทอดมันมาให้กินเล่นอีกถุง พ่อค้าแม่ค้าตลาดบ้านนอกนี่ช่างมีน้ำใจดีกันทุกคน


      ไปตลาดทีไรเป็นต้องแวะคุยกับแม่ค้าคนโน้นคนนี้อยู่นาน กว่าจะถึงบ้านก็สายสักหน่อยแล้ว รีบจัดแจงล้างกุ้ง แต่ไม่แกะเปลือกออก เพราะต้องย่างทั้งเปลือก  วันนี้ไม่ได้ย่างกุ้งด้วยเตาถ่าน  เพราะบ้านอยู่ในเมือง ขืนจุดฟืนย่างกุ้งผู้คนจะตกใจเอา   เลยต้องอาศัยเตาฝรั่งอบกุ้งไปก่อน ซึ่งยอมรับว่าไม่ได้ดั่งใจเลย เพราะกุ้งย่างที่จะนำมาทำอาหารทุกประเภท ควรจะย่างด้วยเตาถ่าน ที่ความร้อนสูงชั่ววูบ เพื่อให้ผิวเปลือกกุ้งไหม้เกรียม แต่เนื้อกุ้งข้างในยังสุกไม่มาก ยิ่งเนื้อในยังใสๆตอนออกจากเตาก็จะยิ่งดี เพราะเมื่อปล่อยไว้สักพัก ความร้อนที่สะสมไว้ที่ผิวจะแผ่ไปถึงเนื้อในและเนื้อกุ้งจะสุกพอดี ไม่สุกเกินไปจนแข็งกระด้าง สำหรับกุ้งย่างเตาฝรั่งวันนี้ กะไฟไม่ถูก จึงเอาแค่พอสุกไม่สามารถทำให้ผิวเปลือกไหม้เกรียมได้ กุ้งย่างวันนี้จึงขาดกลิ่นไหม้ไปบ้างแต่ก็พอกล้อมแกล้มไปได้ 


   มาถึงเครื่องเคราทั้งหลายที่ต้องเผาเหมือนกัน สมัยอยู่กับยาย มีหน้าที่ เสียบพริกชี้ฟ้า และหอมแดง ด้วยไม้ไผ่ที่เหลาเป็นไม้ปลายแหลมใหญ่ๆ เพื่อย่าง แต่ไม่ได้ย่างบนตะแกรงบนเตาไฟเหมือนทั่วไป หากแต่นำไปสอดไว้ใต้เตาถ่านในส่วนที่มีขี้เถ้าร้อนๆตกลงมา (ที่ใต้เตานี้เป็นส่วนที่คล้ายเตาอบ เพราะเราจะใช้ในการเผาพริก หอม และกะปิกันเป็นประจำ ) หอมและพริกที่ย่างในส่วนนี้จะได้ผิวที่ไหม้เกรียมเช่นกัน   สำหรับวันนี้ หอมและพริกจำต้องถูกย่างด้วยเตาฝรั่งเหมือนกุ้ง โชคดีที่ยังพอมีกลิ่นผิวไหม้หอมโชยมาบ้าง เมื่อย่างเสร็จก็นำออกมาลอกผิวที่ไหม้ๆออก แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆเตรียมไว้



 เตรียมซอยขิงให้เป็นเส้นเล็กบาง ซอยพริกขี้หนูให้ละเอียด บีบมะนาวผสมน้ำปลาดี ใส่เครื่องปรุงเผาที่เราเตรียมไว้ลงไปทั้งหมด ใส่กุ้งที่หั่นเป็นชิ้นๆ ใส่น้ำตาลโตนดก้อนเท่าหัวแม่มือ ผสมลงไป ชิมรสให้เปรี้ยว เค็ม หวาน และเผ็ด ตามชอบ รสที่ได้นี้อาจจะเข้มเกินไป ควรใส่น้ำสุกลงไปสักนิด จะได้มีน้ำไว้ราดขนมจีนมากพอ




ขนมจีนนี้เหมาะที่จะรับประทานกับไข่ต้มยิ่งนัก ถึงเวลารับประทาน ก็จัดแจงหยิบขนมจีนใส่จานสักสองจับ วางไข่ต้มไว้ข้างๆ แล้วราดด้วยน้ำยำกุ้งย่างนี้ ก็เป็นเสร็จพิธี หากไม่มีขนมจีนก็สามารถทานไข่ต้มยางมะตูมราดน้ำยำนี้กับข้าวสุกได้ อร่อยง่ายๆแต่จะต้องจดจำไปนาน รับรองว่า ถึงหน้าร้อนคราวใด เป็นต้องนึกถึงขนมจีนที่มีรสจัดจ้านไม่เลี่ยนกะทิ อย่างขนมจีนจานนี้
      เป็นอันว่า ได้กินอาหารอร่อย อิ่มสบายท้องสมความตั้งใจ  อาหารจานนี้ช่างเหมาะกับอากาศร้อนๆของปีนี้อย่างยิ่ง  นับเป็นคู่แข่งสำคัญของขนมจีนทอดมัน  จะแพ้ก็ตรงที่เครื่องปรุงมีราคาแพง จึงไม่มีใครทำขาย ต้องทำกินกันเอง  ลองทำกินกันซิ ง่ายมากเลย.....




1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ13 ตุลาคม 2557 เวลา 20:28

    บังเอิญผ่านมาค่ะ อ่านแล้วมีความสุขมากๆเลยค่ะ เพราะเคยต้องไปอยู่เพชรช่วงปิดเทอมเหมือนกัน ทำให้คิดถึงช่วงวัยเด็กที่มีความสุข...

    ตอบลบ