Here is how I made it from the leftover pork.
The ingredients are very simple:
-Pork belly (cut into thick pieces)
- sugar (rock sugar is preferred )
- shaoxing wine
- light soy sauce
- dark soy sauce
- water
ทุกครั้งที่ไปชางไห่ ต้องสั่งหมูหวาน "หง เฉ่า โร่ง " มากิน
ครั้งแรกก็เกรงๆมันหมูที่ติดหนังมาอย่างหนา
แต่พอครั้งต่อๆมา ก็ตักใส่ปากแบบไม่คิดชีวิตกันเลย
ปกติ เป็นคนไม่ชอบอาหารรสหวาน ยกเว้นจานนี้จานเดียว ที่ยอมกิน
หมูหวานแบบนี้ มีทำกันหลายเมือง ที่มีชื่อเสียงก็คือ "หมูต่งโป" ของเมืองหังโจว ซึ่งคล้ายกันมาก แต่ดูเหมือนจะมีเครื่องเทศคล้ายหมูพะโล้บ้านเรา
ครั้งแรกก็เกรงๆมันหมูที่ติดหนังมาอย่างหนา
แต่พอครั้งต่อๆมา ก็ตักใส่ปากแบบไม่คิดชีวิตกันเลย
ปกติ เป็นคนไม่ชอบอาหารรสหวาน ยกเว้นจานนี้จานเดียว ที่ยอมกิน
หมูหวานแบบนี้ มีทำกันหลายเมือง ที่มีชื่อเสียงก็คือ "หมูต่งโป" ของเมืองหังโจว ซึ่งคล้ายกันมาก แต่ดูเหมือนจะมีเครื่องเทศคล้ายหมูพะโล้บ้านเรา
วันนี้เห็นหมูไหว้เจ้าเหลือเต็มตู้เย็น
เลยลุกขึ้นมาทำจากหมูแข็งๆเหล่านี้
หากเพื่อนอยากลอง ควรใช้หมูสด ซึ่งจะนุ่มนวลกว่าค่ะ
เครื่องปรุงของหมูหวานเซี่ยงไฮ้ นี้มีน้อยนิด คือ
- หมูสามชั้น ส่วนท้อง
- ซีอิ้วขาว
- ซีอิ้วดำหวาน
- เหล้าจีน
- น้ำตาลกรวด
- ซีอิ้วขาว
- ซีอิ้วดำหวาน
- เหล้าจีน
- น้ำตาลกรวด
วิธีทำ
- หั่นหมูสามชั้น ส่วนท้อง
(แต่วันนี้ อิฉันขี้โกง ใช้หมูไหว้เจ้า ที่เหลือมาทำค่ะ)
(แต่วันนี้ อิฉันขี้โกง ใช้หมูไหว้เจ้า ที่เหลือมาทำค่ะ)
หั่นหมู เป็นชิ้นเหลี่ยมพอคำ
เมื่อหั่นหมูเป็นชิ้นพอคำ ตามที่ชอบ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม
จากนั้นนำหมูไปต้มหนึ่งครั้ง หากใช้หมูสด ไม่ต้องให้สุกมาก
แต่ครั้งนี้ฉันใช้หมูไหว้เจ้าที่ ถูกต้มมาจนสุก ด้วยไฟแรงจนเนื้อข้างในแข็งเกร็ง
จึงจำเป็นต้องใช้เวลาต้มนานกว่าหมูสดอีกเท่าตัว
เมื่อต้มเสร็จ เทน้ำต้มหมูทิ้ง
ตั้งกระทะบนไฟ ใส่น้ำมันเล็กน้อย ทอดหมูเหล่านี้ให้เหลืองสวย
เพื่อที่จะได้ไม่แตกเละ ช่วงตุ๋นนานๆ
จากนั้น เทเหล้าจีน ลงไปประมาณ 2 ฝา
ช่วงนี้กลิ่นเหล้าจะเคลือบ ชิ้นหมูไหม้ กลิ่นหอมมาก
ใส่ซีอิ้วขาว ต้องขอโทษด้วยที่บอกปริมาณไม่ได้ เพราะกะๆเอา แต่ก็เริ่มทีละน้อยก่อน อย่าใส่มากเดี๋ยวเค็มเกินจะแก้ไม่ได้
ใส่ซีอิ้วดำหวาน ให้มีสีและกลิ่นหอม
บางคนจะเรียกอาหารจานนี้ว่า หมูตุ๋นซีอิ้ว เพราะเครื่องปรุงหลักคือซีอิ้วนั่นเอง
เน้นว่า ไม่มีเครื่องเทศเลย อาหารจานนี้จะหอมซีอิ้ว และเหล้าจีน เท่านั้น
จากนั้นใส่น้ำให้ท่วมหมู ตั้งไฟให้เดือด
ใส่น้ำตาลกรวด ปริมาณ หมู 1 กิโลกรัม ฉันใช้ 10 ก้อน
ต้องบอกว่า อาหารจานนี้ รสแท้จริงของเขาคือหวานมาก
ส่วนน้ำตาล
ต้องใช้น้ำตาลกรวดเท่านั้น
แม้น้ำตาลโตนดจะหอมหวานดีเพียงใด แต่มันเป็นกลิ่นไทยๆ
ส่วนความหวาน ของน้ำตาลกรวดจะหวานเย็นๆ ไม่ร้อนแรงเหมือนน้ำตาลอื่น เขามีรสเฉพาะของเขา
ส่วนความหวาน ของน้ำตาลกรวดจะหวานเย็นๆ ไม่ร้อนแรงเหมือนน้ำตาลอื่น เขามีรสเฉพาะของเขา
เมื่อเดือดดีแล้ว ค่อยๆลดไฟลง เคี่ยวต่อไปสักครึ่งชั่วโมง ลองชิมรสดูว่าหวาน เค็ม พอดีหรือยัง
รสที่ชิมนี้ เมื่อปรุงเสร็จแล้ว จะเข้มขึ้นอีก หากรสยังไม่สมดุลกัน ระหว่างเค็มกับหวานก็เติมเครื่ิงปรุงตอนนี้
ลองเอามีด หรือฃ้อนซ่อมจิ้มดู หากหมูนิ่มดีแล้วก็รอให้เหลือน้ำขลุกขลิก เป็นอันเสร็จ
แต่หากหมูยังไม่นุ่ม ให้เติมน้ำ เคี่ยวต่ออีกสักพัก จนหมูนุ่มดี
ตักใส่หม้อเก็บไว้กินได้หลายวัน
น้ำมันจากไขมันหมูจะเคลือบชิ้นหมูสวยงามมาก อาหารจานนี้จะมีรสหวานนำ เค็มตาม และหอมเหล้าจีน หากชอบมากใส่มากได้
ตักข้าวสวยร้อนๆ มากินกับหมูหวาน หากกินแบบไทยๆ ก็ซอยหอมแดง กับพริกขี้หนูโรยหน้า
โอ้โห..... ข้าวหมดหม้อแน่
ลองทำดูกันนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น