ต้นปี 2556 ได้รับเมล์จากเพื่อนเรื่องเดียวซ้อนกันหลายคน อ่านดูรู้สึกดีหลายอย่างสะท้อนเรื่องจริงของสังคม ฉันก็มีลังไม้เก่าๆอยู่ใบนึง ภายในเก็บของไม่เป็นชิ้นเป็นอันไว้เต็มไปหมด ช่างเหมือนคุณลุงในเมล์ที่ส่งมาจริงๆ
ชีวิตที่ทุกข์ยากของคุณลุง เป็นตัวอย่างคำสอนที่ดีสำหรับผู้อ่าน เมื่อมองกลับมาที่ตัวฉัน ซึ่งก็ใช้ชีวิตไม่ต่างจากคุณลุงเท่าใดนัก เพียงแต่ว่าฉันโชคดีที่พ่อแม่เป็นห่วง จึงสร้างความสะดวกสบายทิ้งไว้ให้ลูกๆ ซึ่ง ถึงแม้จะเป็นเรื่องดีของลูก แต่มันไม่ยุติธรรมเลยที่พ่อ แม่จะต้องอยู่อย่างลำบาก เพียงเพื่อเก็บไว้ให้ลูกสบาย เราช่างเป็นลูกที่ไม่เอาไหนเสียจริง
อย่างไรก็ตาม หวังเป็นอย่างยิ่งว่านิทานเรื่องนี้จะช่วยให้หลายๆคน เริ่มเตรียมตัวหลีกหนีจากการเป็น "คุณลุง" ในนิทานเรื่องนี้ทันเวลา สำหรับคนที่กำลังเป็น "คุณลุง" หรือเป็นไปแล้ว ก็ขอได้รับความเห็นใจจากฉันด้วย จะเอาวิธีของคุณลุงไปใช้บ้างเพื่อความสุขเล็กๆในชีวิต ก็คงไม่มีใครห้าม ขอให้โชคดี .....
กาลครั้งหนึ่ง
ยังมีคุณลุงอยู่ท่านหนึ่ง
ในช่วงวัยหนุ่มคุณลุงท่านนี้เป็นหัวหน้าคนงานอยู่ในเหมืองทองคำมีรายได้ดีมาก
แต่คุณลุงท่านนี้ไม่เคยเก็บเงินเลยมีเท่าไรก็ใช้หมด
เนื่องจากคุณลุงเป็นคนจิตใจดีใครมาหยิบยืมก็ให้ เลี้ยงเพื่อนฝูงตลอด
คุณลุงมีเพื่อนเยอะมาก
จนกระทั่งคุณลุงท่านนี้เกษียณอายุจากการทำงาน
ปรากฏว่าไม่มีเงินเหลือเลยจากชีวิตการทำงานอันยาวนาน คุณลุงมีลูกอยู่ 5 คน
เมื่อคุณลุงไม่มีเงินก็จำเป็นต้องไปอาศัยอยู่บ้านลูกๆ ทั้ง 5 คน
วันจันทร์ ก็ไปอยู่บ้านลูกสาว ก็ถูกลูกเขยพูดจากระทบกระเทียบ เช่น
"ทำไมคุณพ่อคุณไม่ไปบ้านลูกคนอื่นบ้างนะ ผมจะทำอะไรก็อึดอัดจริงๆ "
วันอังคาร ก็ไปอยู่บ้านลูกชาย ก็ถูกหลาน และลูกสะใภ้กระทบกระเทียบ เช่น "รำคาญ คุณปู่จังเลยกับข้าวที่หนูชอบดูสิคุณปู่ทานหมดเลย ทำไมคุณปู่ไม่ไปบ้านอื่นบ้าง" เป็นเช่นนี้ตลอด
คุณลุงก็เปลี่ยนไปอยู่บ้านลูกคนนั้นทีคนนี้ที ก็ถูกลูกบ้าง ลูกเขยบ้าง
ลูกสะใภ้บ้าง หลานบ้างพูดจาถากถางอยู่ตลอด แต่คุณลุงก็ต้องทน
เพราะคุณลุงไม่มีเงินเก็บแม้แต่บาทเดียว
อยู่มาวันหนึ่ง คุณลุงตัดสินใจเรียกลูกๆ ทุกคนมาแล้วบอกว่า
"พ่อจะไม่อยู่สัก 2 ปี
นะลูก เพราะเพื่อนพ่อที่เป็นเจ้าของเหมืองทองคำมันเขียนจดหมายมาขอร้องให้พ่อไป
ช่วยงานที่เหมืองทองคำของมัน พ่อจำเป็นต้องไปช่วยเขาจริงๆ"
ลูกๆ
ได้ฟังดังนั้นก็ดีใจสนับสนุนเพื่อให้คุณลุงท่านนี้ไปให้พ้นๆ
จะได้ไม่เป็นภาระอีกต่อไป
เมื่อครบ 2 ปี
คุณลุงท่านนี้ก็กลับมาพร้อมกับลังเหล็กใบใหญ่ 1 ใบ ไปไหนแกก็ลากไปด้วย ลูกๆ ก็พากันแปลกใจและถามว่า
"ลังอะไร"
คุณลุงตอบว่า "เป็น
สมบัติชิ้นสุดท้ายที่ได้มาจากเหมืองทองคำของเพื่อน
ถ้าใครดูแลพ่อจนถึงวาระสุดท้ายก็จะมอบสมบัติในลังเหล็กให้ทั้งหมด"
ปรากฏว่า
ลูกๆ พากันตื่นเต้น ต่างอาสามาดูแลคุณพ่อกันยกใหญ่
วันจันทร์
คุณลุงก็อยู่กับลูกสาวคนโต ลูกเขยกับหลานก็พากันเอาใจบีบนวดให้ หาของกินดีๆ มาให้
แต่ยังไม่ทันไรลูกชายคนที่สองก็มาตามให้ไปอยู่ด้วย และก็เช่นกันยังไม่ทันไร
ลูกสาวคนที่สาม ก็มาตามให้ไปอยู่ด้วยอีก
ปรากฏว่าลูกๆ ทั้ง 5 คน
ของคุณลุงต่างแย่งกันเอาใจและปรนนิบัติคุณลุงท่านนี้อย่างดี
แต่เวลาไปไหนคุณลุงก็จะลากลังเหล็กใบนี้ไปด้วยตลอด
เวลาผ่านไป 7 ปี
คุณลุงท่านนี้เสียชีวิตลง หลังงานพิธีศพลูกๆ
ทุกคนพากันมานั่งล้อมลังเหล็กใบนี้เพื่อแบ่งสมบัติกัน
ลูกสาวคนโตเป็นคนเปิดฝาลังเหล็ก พบว่ายังมีผ้าสีขาวปิดอยู่อีกชั้นหนึ่ง และมีจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่
ลูกสาวคนโตก็เปิดอ่านให้น้องๆ ฟัง เนื้อความในจดหมายเขียนไว้ว่า
นิทาน
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าประมาทและอย่าคาดหวังว่าใครจะเลี้ยงดูเรา
ให้เร่งเก็บออมเสียตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้มีชีวิตบั้นปลายที่สุขสบาย
ได้ ฟังนิทานเรื่องนี้ทีไรให้รู้สึกสะท้อนใจทุกครั้ง และไม่เคยคิดว่า เป็นเพียงนิทานเพราะเหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ไม่เตรียมเก็บ ออมเงินเสียตั้งแต่เนิ่นๆ
พึ่งพาใครไหนเล่า....จะดีเท่าพึ่งพาตัวเราเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น