บ้านป้าLily หลังนี้เปิดไว้เพื่อให้เป็นที่ที่เพื่อนๆมานั่งตั้งวงคุยกันด้วยเรื่องที่เราชอบ
โดยมีป้า Lily มานั่งเล่าเรื่องที่ดีมีประโยชน์ แถมสนุกสนานให้ฟังอีก
วันที่ท้องฟ้าสดใสในเวลาแดดร่มลมตกไม่มีอะไรดีไปกว่าการมานั่งที่ ชานเรือนของบ้านป้าLily อีกแล้ว


ยินดีต้อนรับทุกท่านจ๊ะ

วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ต้าเหยิน เบตง

ชีพจรลงใต้ 

กินอาหารปักษ์ใต้ที่นครศรีธรรมราชและหาดใหญ่

สัปดาห์ที่ผ่านมา มีอาการชีพจรลงใต้ โดยต้องเดินทางไปจังหวัดนครศรีธรรมราช และสงขลา  วันที่เดินทางต้องออกจากกรุงเทพแต่เช้าตรู่  ขณะเครื่องบินมุ่งลงใต้ พระอาทิตย์ก็ขึ้นมาพอดี  รู้สึกเหมือนมีแสงนุ่มๆมาแทงตา หันไปก็พบกับภาพที่สวยงามเยี่ยงนี้

ขึ้นหัวเรื่องว่า ต้าเหยิน เบตง ซึ่งเป็นร้านที่ถูกใจมากในทริปนี้  แต่ขอเก็บไว้หลังสุด  เพราะก่อนจะถึงร้านนี้ เราต้องผ่านด่านไปอีกหลายร้านจ้า

ทันทีที่ลงจากเครื่องบิน น้องๆก็มารับไปทานอาหารเช้า เราไปที่ร้าน " โกปี้ " 
ซึ่งเป็นร้านกาแฟดั้งเดิมของเมืองนี้ 




ปัจจุบัน รุ่นลูกมาทำใหม่สวยงามทันสมัย แต่ก็ยังนำของเก่ารุ่นพ่อแม่มาตกแต่งร้านดูเก๋ไก๋ไปอีกแบบ



อาหารจานแรกที่น้องๆแนะนำคือข้าวมัน หน้าแกงต่างๆ มีทั้งแกงไก่ หมู ปลา และกุ้ง ปกติแล้วไม่ค่อยชอบทานอาหารคาวตอนเช้า แต่ความที่อยากลองชิม จึงสั่งข้าวมันแกงกุ้งมาลอง ซึ่งก็แปลกดีตรงที่ข้าวมันเป็นข้าวที่หุงด้วยกระทิ ราดแกงเผ็ดใส่เครื่องเทศคล้ายแกงแขก แต่รสเผ็ดแบบปักษ์ใต้  แถมมีไข่ดาวแปะแถมมาอีกด้วย จานนี้ทานไม่หมด แต่มีคนช่วยกำจัดต่อให้

ตอนที่เดินเข้ามาในร้าน เห็นโถใส่ข้าวเหนียวสีต่างๆหลายโถ  อดถามไม่ได้ว่า เขากินข้าวเหนียวกับอะไร
น้องจึงบอกว่า คนนครศรีธรรมราช จะทานข้าวเหนียวกับกาแฟเป็นอาหารเช้า

เราก็ทำหน้างงๆ เจ้าภาพรำคาญจึงสั่งข้าวเหนียวหน้าต่างๆมาให้ชิม ซึ่งก็มี หน้าปลา หน้าหมู หน้ากุ้ง หน้าสังขยา และหน้ากะฉีก อาหารจานนี้ถูกใจ เ้กือบหมดแน่ะ

น้องที่มาด้วย สั่งบะหมี่ขาหมูแห้ง  ลองแอบชิมดู อร่อยดี

อาหารที่เราสั่งอย่างเป็นทางการคือ บะกุ๊เต๋  ได้ข่าวว่าร้านนี้มีชื่อเีสียงมาก  เช้าๆอย่างนี้ได้ซดอะไรร้อนๆก็ชื่นใจดี บะกุ๊เต๋ ร้านนี้ทำรสจัดสำหรับคนไทย จึงต่างจากบะกุ๊เต๋ ที่สิงคโปร์
นี่ขนาดอาหารเช้านะ หลายขนานเหลือเกิน


มื้อกลางวันของเมืองนครฯ เจ้าถิ่นพาไปที่ร้าน " วังเดิม" อยู่แถวหน้าศาลากลาง

ร้านนี้เป็นร้านอาหารไทยปักษ์ใต้  อาหารที่สั่งมาจึงเป็นอาหารรสจัดเกือบทุกจาน
เริ่มด้วยน้ำพริกกุ้ง ซึ่งสำหรับเราแล้ว เพียงแค่แตะปลายลิ้น ก็เผ็ดขึ้นสมองแล้ว
แต่สำหรับเจ้าถิ่น ไม่มีใครรู้สึกเผ็ดเลย

จานที่สองนี่ แปลกตามาก เป็นแกงเหลืองหรือแกงส้มปลากับมังคุด
เขาใช้มังคุดแก่ที่หวานกรอบอมเปรี้ยวนิดๆ มาฝานใส่ลงไปในแกง
อร่อยสุดๆ แต่มันเผ็ดอ่ะ

อาหารทานเล่น ยำถั่วพู กลมกล่อมและจัดจ้านมาก

จานนี้เป็นของเด่นของทางร้าน ซึ่งทุกคนชอบกันมาก ผัดสะตอกับกุ้งสด

อาหารแก้เผ็ด ทอดมันกุ้ง มาช่วยชีวิตไว้

ผัดยอดฟักแม๊ว อร่อยจัดมาก

ขณะนั่งทานข้าว เห็นแม่ค้าแบกถาด มังคุดเสียบไม้มาขาย จึงรีบบอกน้องให้เรียกซื้อมาทานเป็นของหวาน มาเมืองนครคราวนี้โชคดีได้ทานมังคุดแก่เสียบไม้ คนเดียว 6 ไม้

มังคุดแบบนี้เรียกว่า มังคุดแก่ ( มังคุดอ่อน เป็นมังคุดที่ยังไม่มีเนื้อ
ส่วนมังคุดที่นำมาขายเป็นผลไม้ เรียกมังคุดสุก  ซึ่งราคาจะถูกกว่ามังคุดแก่มาก )

เสร็จธุระที่นครศรีธรรมราช ก็เดินทางต่อไปหาดใหญ่
อาหารเย็นเป็นร้านข้าวต้มร้านเก่าที่ชื่นชอบ
และเคยนำรูปมาให้ชมแล้วเลยไม่ถ่ายรูปมา


เรามาทานอาหารเช้าแบบบ้านๆกันดีกว่า
ร้านนี้เป็นร้านอาหารเช้าแบบติ่มซำ ชื่อร้านกุ๊กชัย
ช่วงเช้าอย่างนี้ลูกค้าแน่นร้านเลย ส่วนใหญ่เป็นคนหาดใหญ่
ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าใดนัก


ในตู้แช่หน้าร้าน จะมีอาหารติ่มซำจานเล็กแช่ไว้ให้ลูกค้าเลือกมากมาย


ที่จัดเป็นซึ้งแล้วก็มาก เลือกตามใจชอบ

เสร็จแล้วทางร้านก็จะยกไปนึ่งให้ ใครสั่งมาก ก็แถวสูงหน่อย


เราสั่งมา 10 อย่าง วันนี้ไม่ได้สั่งบากุ๊เต๋ เพราะเบื่อแล้ว
อร่อยทุกอย่าง โดยเฉพาะข้าวเหนียวที่ทานกับซี่โครงหมูนึ่ง
ชอบเป็นพิเศษ

ร้านนี้แปลก ที่เขาจะมีผักสดให้ทุกโต๊ะ ตอนแรกนึกว่าทานกับบากุ๊เต๋
แต่ความจริงแล้ว เขาทานแกล้มกับติ่มซำ แบบใต้แท้ๆเลย

เตรื่องดื่ม ก็ต้องเป็นโกปี้ ตามระเบียบ

มาคราวนี้ ทำงานยังไม่หนักหนามาก
แต่เรื่องรับประทานนี่ซิ หนักหนายิ่งนัก
มื้อเช้ายังไม่ทันย่อย ก็ถึงเวลามื้อกลางวันอีกแล้ว
พรรคพวกพาไปร้าน ต้าเหยิน เบตง
ช่วงไปถึงคนเต็มร้านแล้ว เป็นคนมาเลเซีย สิงค์โปร ทั้งนั้น
ไม่มีที่นั่งเหลือเลย แต่ด้วยความเกรงใจ
เจ้าของร้านจึงรีบกางโต๊ะในมุมเล็กๆให้
เรียกว่าไม่มีเส้นคงไม่ได้กิน



ร้านนี้มีชื่อเรื่องไก่ ก็ชื่อร้านก็บอกแล้วว่า มาจากเบตง จึงมีไก่สับที่อร่อยมาก
ไก่ร้านนี้เนื้อไก่คล้ายของไหหลำเนื้อกรอบอร่อยไม่เละ
เหมือนไก่สิงคโปร แต่ราดน้ำซีอิ้วคล้ายกัน (ซีอิ้วเข้มกว่าสิงคโปร)

จานนี้เขาสั่งผักมาจากเบตง เรียกว่าผักน้ำ นำมาผัดเฉยๆหวานอร่อยดี

ที่ชอบมากคือ หมี่เบตงราดหน้า หมี่แบบนี้มี2 ประเภท
เป็นแบบผัดแห้งกับราดหน้า คราวหน้าจะไปลองแบบผัดแห้งสักหน่อย

จานที่ประทับใจอีกจานคือ ถั่วเจี๋ยน เป็นถั่วฝักยาวพันธุ์เบตง ที่อวบอ้วนมาก
ผัดกับกระเทียมใส่กุ้งแห้ง อร่อยสุดๆ คนที่ไปด้วยบอกว่าเคยใช้ถั่วบ้านเราผัด
ออกมาไม่เหมือนเลย ต้องใช้ถั่วของเขาจึงจะกรอยนุ่มอร่อยเยี่ยงนี้

เวลาทานอาหารจีน ที่ขาดไม่ได้คือเต้าหู้ วันนี้สั่งเต้าหู้ทรงเครื่องมา
เครื่องใหญ่จริงๆอร่อยดี

คนสั่ง ตั้งใจสั่งปลาจีนนึ่งซีอิ้ว  แต่วันนี้ทางร้านบอกว่าคนเลี้ยงปลาที่เบตง
ไม่ส่งปลามาให้ เราจึงต้องใช้ปลาเก๋าแทน ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเพราะอร่อยอยู่แล้ว

ได้ยินเสียงโต๊ะข้างๆถามถึงขาหมูต้มดำ พยายามฟังว่าชื่ออะไรกันแน่
เพราะคนถามเป็นคนจีนที่พยายามพูดไทย  จึงถามเด็กเสริฟว่า คืออะไร
เด็กเสริฟ (พม่า) ก็ตอบว่า คามูส้มตำ
เราก็ยิ่งงงไปกันใหญ่ แต่ก็บอกว่าไอ้ที่ว่านั่นเอามาด้วยก็แล้วกัน
ในที่สุดก็ออกมาเป็นชามนี้ เป็นขาหมูที่ดีมาก เพราะไขมันน้อย
ต้มมาในน้ำซุปสีดำซึ่งคงเป็นน้ำผสมซีอิ้ว มีรสเปรี้ยวคล้ายมีมะนาวดองอยู่
และก็เผ็ดด้วยขิงอ่อนที่ผ่านเป็นแผ่นต้มจนนิ่ม
เราทานเนื้อหมูควบกับขิงอ่อน ซดน้ำซุปตามไป มีรสเปรี้ยวหวานคล้ายต้มส้ม
แต่หอมมะนาวดองมาก ทานกันจนหมดด้วยความอร่อย
หมดแล้วก็ยังไม่ทราบแน่ว่าอาหารจานนี้ชื่ออะไร หากจับจากรสชาติ
น่าจะชื่อ ขาหมูต้มยำนะ
สรุป... อาหารร้านต้าเหยินนี้ สุดๆไปเลย กำลังสงสัยว่าไปคราวหน้าจะมีที่นั่งไหมหนอ


หลังจากอิ่มหนำสำราญกันดีแล้ว ก็ต้องรีบบึ่งไปสนามบิน เพราะใกล้เวลาเครื่องออก
พอมีเวลานิดหน่อยจึงขอจิบกาแฟ แกล้ม ทีรามิสุ แก้อยากสักนิด

ขณะนั่งจิบ พรรคพวกที่มาส่งหิ้วถุงใส่กล่องอาหารที่มัดกันกลิ่นอย่างดีมาให้
ความที่อิ่มแทบจุกตายก็รับไว้อย่างเสียไม่ได้
ด้วยความอิ่มมาก ตั้งใจจะไม่ทานอะไรอีกแล้วในวันนี้



เมื่อถึงบ้าน ช่วงเย็นเปิดกล่องออกดู
อุแม่เจ้า...ข้าวหมกไก่เจ้าอร่อยสุดของหาดใหญ่

เห็นแล้วต้องรีบคว้าโทรศัพท์ โทรฯ..กลับไปถามคนให้....
ว่า ....นี่จะฆ่ากันให้ตายรึไง..... วันนี้อิ่มแทบท้องแตกแล้ว !!!
ฝากไว้ก่อนเถอะ ข้าวหมกไก่ ฮึ่ม....






วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บ้านจ่าทวี

บ้านจ่าทวี



สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสได้ไปเมืองสองแคว  (จังหวัดพิษณุโลก) แม้จะเคยไปบ่อยๆและคุ้นเคยดี  แต่ก็ยังเห็นสิ่งสำคัญๆของเมืองนี้ไม่หมด  เพราะส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการทำงาน  จึงต้องค่อยๆสะสมไปครั้งละแห่งสองแห่ง  และคงจะได้ไปอีกหลายครั้ง

วันนี้มีเวลาเพียง 8 ชั่วโมงในเมืองนี้  หลังจากทำงานเสร็จเหลือเวลาอีก 2ชั่วโมงจึงขอที่จะไปชมบ้านของจ่าทวี  ซึ่งเป็นสถานที่ที่อยากเห็นมานาน



ฉันบินไปแต่เช้าตรู่ ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น  เครื่องบินไต่ไปตามลำน้ำเจ้าพระยา ที่แสงอาทิตย์ยามเช้าสะท้อนเป็นประกาย


เป็นครั้งแรกที่เห็นเกาะเกร็ด อย่างชัดเจนเช่นนี้


ทันทีที่ลงจากเครื่องบิน น้องที่มารับก็พาไปทานอาหารเช้า  ร้านนี้เป๋นร้านขายโจ๊กและข้าวต้ม ชื่อลิ้มเก้งเฮง  ปกติไม่ค่อยเห็นร้านขายโจ๊กตั้งเป็นร้านถาวรแบบนี้  ส่วนใหญ่จะเป็นร้านแผงลอยในตลาด แต่ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ที่มีลูกค้าเหนียวแน่นมาก



โจ๊กมาทั้งโจ๊กหมู โจ๊กไก่  แบบใส่ไข่ และไม่ใส่ไข่ โดยจะมีเฉาก๊วย หรือปาท่องโก๋ และ ขิงซอยแนมมา  วันนี้ฉันกินโจ๊กหมูใส่ทุกอย่าง เนื้อหมูเขานุ่มดีมาก อร่อยจริงๆ




ช่วงบ่าย เมื่อมีเวลาว่างจึงเดินทางไปยังบ้านของจ่าทวี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน  สถานที่ที่ใช้แสดงผลงานก็คือบ้านของจ่าทวี นั่นเอง 

จ่าทวี  หรือ จ่าสิบเอกทวี  บูรณเขตต์ เป็นผู้ที่ได้รับคำยกย่องมากมายจากผลการรวบรวมสิ่งของหายากซึ่งเป็นข้าวของเครื่องใช้ของคนพื้นบ้านในสมัยก่อน  มาจัดแสดงให้คนยุคปัจจุบันได้รู้ได้เห็น  นับเป็นพิพิธภัณฑ์ของวิถีชีวิตคนธรรดา

และเมื่อได้มาดูด้วยตาตัวเองแล้ว  ก็ยอมรับว่าสิ่งของที่นำมาแสดงทั้งหมดล้วนเป็นของใช้ในชีวิตคนธรรมดาๆอย่างที่เราเคยใช้ เคยเห็นมาก่อนในช่วงชีวิตเยาว์วัยของเรา อย่างแท้จริง


ทันทีที่เข้าประตูบ้านจ่าทวี  ก็พบกับซุ้มหม้อน้ำดื่ม ที่ชาวบ้านนอกทั่วไปมักจะตั้งไว้หน้าบ้าน ใส่น้ำฝนสะอาดหวานสดชื่นไว้  เพื่อให้คนเดินทางผ่านไปมาได้อาศัยดื่มกินยามกระหายน้ำ นี่คือความสะอาดของน้ำใจคนบ้านนอก



ที่ชอบมากคือศาลพระภูมิ ที่ทางบ้านจ่าทวีได้นำของมาไหว้



ก่อนเข้าไปในตัวบ้าน ก็พบกับพนักงานต้อนรับ 2ชีวิต ซึ่งเป็นของเล่นของเด็กรุ่นเก่า เป็นควายทำจากไม้


บ้านของจ่าทวี ใช้เป็นที่แสดงผลงานของสะสมมากกว่า 1000 ชิ้น



บ้านหลังเล็กอีกหลังที่ใช้แสดงงานสะสมเช่นกัน


ทางเข้าบ้านหลังใหญ่  ที่จัดวางงานสะสมอย่างเป็นระเบียบ
และเป็นหมวดหมู่




สังเกตเห็นลายลูกไม้ เหนือประตูแต่ละบาน มีลวดลายไม่เหมือนกัน


หน้าบ้านมีที่นั่งพักรับลม และร่มรื่นมาก



ห้องโถงทางขึ้นชั้นสอง มีจักยานรุ่นเก่าตั้งไว้ให้ดู



ในห้องโถงใหญ่ ฉันพบกับพนักงานต้อนรับรุ่นลูก  
ซึ่งก็เป็นของเล่นของเด็กเช่นกัน


หน้าต่างทุกบานมีม่านลูกไม้ปักมือแขวนปิดไว้  บรรยากาศอย่างนี้ทำให้นึกถึงบ้านของฉันในช่วงที่พ่อแม่ของเรายังอยู่  และฉันก็ปักผ้าม่านแบบนี้บ่อยมาก




เปิดม่านมองออกไป ก็เห็นโอ่งไหสารพัดขนาดวางไว้นอกบ้าน 
จะมีใครออกไปดูบ้างไหมหนอ




โครงสร้างบ้านของชาวลาวโซ่ง   ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในจังหวัด เพชรบุรี และ ราชบุรี  ส่วนที่พิษณุโลก เป็นชุมชนที่อพยพมาจากเพชรบุรี


ภายในห้องแสดงยังมีการสร้างบ้านของคนพื้นเมือง 
เพื่อจำลองวิถีชีวิตให้คนรุ่นใหม่ได้เห็น



ข้าวของเครื่องใช้ที่ค่อนข้างคุ้นตา  เพราะที่บ้านเคยใช้มาก่อน 
( ฉันเคยมีช่วงชีวิตอยู่ในยุคนั้นมาก่อน)


หลายคนสงสัยว่านี่คืออะไร  แต่ทันทีที่ฉันเห็นก็ต้องรีบถ่ายรูปเก็บไว้  เพราะฉันเคยใช้งานเครื่องมือนี้ในการอัดผงยารักษาโรคให้เป็นเม็ด เหมือนยาเม็ดในปัจจุบัน 
สมัยที่ฉันเป็นเด็ก คุณตาของฉันเป็นกำนันตำบลท่ายาง  จังหวัดเพชรบุรี  นอกจากจะเป็นกำนันแล้ว ท่านยังเป็นหมอรักษาคนป่วยอีกด้วย  ส่วนคุณยาย ท่านมีฝีมือในการเย็บปัก เสื้อผ้าเครื่องใช้ในการแสดงต่างๆ ที่ยากมาก (ปักดิ้น ปักเลื่อม แบบโบราณ)  
ฉันมีหน้าที่ช่วยคุณตา คุณยาย ทำยาไว้ให้คนป่วยที่มารักษา  จึงมีโอกาสได้ใช้เครื่องมือนี้  ปัจจุบันไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหนแล้ว (คิดถึงคุณตาจัง)



นี่ก็เป็นเตารีดยอดนิยมสมัยฉันเป็นเด็ก ช่วงเด็กๆไม่ต้องรีดเอง 
แต่พอโตขึ้นต้องทำเองเหนื่อยมาก




สตางค์รู ที่ฉันเคยใช้ซื้อไอติม และขนมมาก่อน
ปัจจุบันยังเก็บเงินแบบนี้ที่คุณยายร้อยเป็นพวงไว้



ใครเอากระเป๋าคุณยายของฉันมานะ ใบนี้แหละที่คุณยายถือ
เป็นประจำ ข้างในจะมีที่ใส่หมากอ้นเล็กๆไว้ด้วย  
เวลาเดินทางอยากกินหมากจะได้ควักออกมาเคี้ยวได้เลย


เจ้ากระต่ายน้อยถูกขังอยู่ในกับดักตาข่าย น่าสงสารจัง



บรรดาเครื่องใช้ในการดักสัตว์ต่างๆ  เริ่มจากกรงดักนก หรือนกต่อ   กรงดักตัวตุ่น หรือหนูนา  ลูกมะพร้าวดักลิง  และกรงดักนก 




ของใช้ในครัว จำพวกเตา และหม้อแบบต่างๆ



กระต่ายขูดมะพร้าว



เครื่องมือที่ใช้ในการสีข้าวเปลือก ให้เป็นข้าวสาร 
( อย่างที่เรียกว่า ข้าวซ้อมมือไง)



จบด้วยของเล่นของเด็กๆ สารพัดชนิด ที่ฉันเคยใช้มาก่อน
ที่จริงยังมีอีกมาก แต่กล้องที่ถ่ายรูปไม่ดีพอ จึงนำมาให้ชมเท่านี้ หากท่านใดสนใจก็เชิญไปชมได้ที่บ้านจ่าทวี  เมืองสองแควได้เลยค่ะ

ที่อยู่บ้านจ่าทวี  26/ 136 ถนนวิสุทธิ์กษัตริย์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก 

โทรศัพท์  055 211596